ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ทำงานใน “นา” ก่อนการเก็บเกี่ยว

ทำงานใน “นา” ก่อนการเก็บเกี่ยว

ทำ​งาน​ใน “นา” ก่อน​การ​เก็บ​เกี่ยว

บรรดา​สาวก​ของ​ครู​ผู้​ยิ่ง​ใหญ่​รู้สึก​ฉงน. พระ​เยซู​เพิ่ง​เล่า​เรื่อง​ที่​เกี่ยว​กับ​ข้าว​สาลี​และ​วัชพืช​อย่าง​ย่อ ๆ. อุทาหรณ์​นี้​เป็น​หนึ่ง​ใน​หลาย ๆ เรื่อง​ซึ่ง​พระองค์​ได้​เล่า​วัน​นั้น. เมื่อ​เล่า​จบ​แล้ว คน​ฟัง​ส่วน​ใหญ่​ได้​ละ​พระองค์​ไป. แต่​เหล่า​สาวก​ของ​พระองค์​รู้​ว่า​อุทาหรณ์​เหล่า​นั้น​ต้อง​มี​ความหมาย​อะไร​สัก​อย่าง​เป็น​พิเศษ—โดย​เฉพาะ​อุทาหรณ์​เรื่อง​ข้าว​สาลี​และ​วัชพืช. พวก​เขา​รู้​จัก​พระ​เยซู​ดี​ว่า​พระองค์​ไม่​ได้​เป็น​เพียง​นัก​เล่า​นิทาน​ที่​ชวน​ติด​ตาม​เท่า​นั้น.

มัดธาย​รายงาน​ว่า​พวก​เขา​ได้​ทูล​ขอ​พระองค์​ดัง​นี้: “ขอ​พระองค์​โปรด​อธิบาย​ให้​พวก​ข้าพเจ้า​เข้าใจ​คำ​อุปมา​ว่า​ด้วย​ข้าว​ละมาน​ใน​นา​นั้น.” ใน​การ​ให้​คำ​ตอบ พระ​เยซู​ทรง​ตี​ความ​อุทาหรณ์​เรื่อง​นี้ บอก​ล่วง​หน้า​ถึง​การ​ออก​หาก​ครั้ง​ใหญ่​ซึ่ง​จะ​ขยาย​วง​กว้าง​ใน​ท่ามกลาง​พวก​ที่​อ้าง​ตัว​เป็น​สาวก​ของ​พระองค์. (มัดธาย 13:24-30, 36-38, 43) การ​นี้​ได้​เกิด​ขึ้น​จริง ๆ และ​การ​ออก​หาก​แพร่​กระจาย​ออก​ไป​อย่าง​รวด​เร็ว​หลัง​การ​ตาย​ของ​อัครสาวก​โยฮัน. (กิจการ 20:29, 30; 2 เธซะโลนิเก 2:6-12) ผลกระทบ​ของ​การ​ออก​หาก​กระจาย​ไป​ทั่ว​จน​ดู​เหมือน​เหมาะ​กับ​คำ​ถาม​ที่​พระ​เยซู​ตั้ง​ขึ้น​มา ดัง​บันทึก​ใน​ลูกา 18:8 ที่​ว่า “เมื่อ​บุตร​มนุษย์​จะ​มา ท่าน​จะ​พบ​ความ​เชื่อ​ใน​แผ่นดิน​โลก​หรือ?”

การ​เสด็จ​มา​ถึง​ของ​พระ​เยซู​บ่ง​ชี้​ถึง​วาระ​เริ่ม​ต้น ‘การ​เก็บ​เกี่ยว’ ของ​ชน​คริสเตียน​ซึ่ง​เปรียบ​เหมือน​ข้าว​สาลี. ข้อ​นี้​ชี้​ถึง “ช่วง​อวสาน​ของ​ระบบ” ซึ่ง​เริ่ม​ขึ้น​ใน​ปี 1914. ดัง​นั้น เรา​จึง​ไม่​ประหลาด​ใจ​ที่​บาง​คน​เริ่ม​สนใจ​ความ​จริง​แห่ง​คัมภีร์​ไบเบิล​ใน​ช่วง​เวลา​ก่อน​การ​เก็บ​เกี่ยว​เริ่ม​ต้น.—มัดธาย 13:39, ล.ม.

การ​ตรวจ​สอบ​บันทึก​ทาง​ประวัติศาสตร์​ช่วย​ให้​เห็น​ชัดเจน​ว่า โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​จาก​ศตวรรษ​ที่ 15 เรื่อย​มา มี​การ​ปลุก​เร้า​ความ​คิด แม้​ใน​ท่ามกลาง​กลุ่ม​ชน​มาก​มาย​แห่ง​คริสต์​ศาสนจักร อัน​เปรียบ​เหมือน “วัชพืช” หรือ​คริสเตียน​ปลอม. เนื่อง​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​หนังสือ​ที่​หา​ได้​ง่าย อีก​ทั้ง​ศัพท์​สัมพันธ์​คัมภีร์​ไบเบิล​ก็​ถูก​จัด​เตรียม​ไว้​พร้อม ปัจเจกบุคคล​ที่​จริง​ใจ​จึง​ได้​เริ่ม​ค้นคว้า​พระ​คัมภีร์​อย่าง​ถี่ถ้วน.

แสง​สว่าง​ส่อง​เจิดจ้า​ขึ้น

ใน​จำนวน​ผู้​คน​ดัง​กล่าว ช่วง​คาบเกี่ยว​ระหว่าง​ศตวรรษ​ที่ 18 และ 19 มี​เฮนรี กรูว์ (ปี 1781-1862) จาก​เบอร์มิงแฮม ประเทศ​อังกฤษ. เมื่อ​อายุ 13 ปี เขา​ได้​แล่น​เรือ​พร้อม​กับ​ครอบครัว​ข้าม​มหาสมุทร​แอตแลนติก​ไป​ถึง​สหรัฐ เมื่อ​วัน​ที่ 8 กรกฎาคม 1795. พวก​เขา​ปัก​หลัก​อยู่​ใน​เมือง​พรอวิเดนซ์ รัฐ​โรดไอแลนด์. บิดา​มารดา​ของ​เขา​ได้​ปลูกฝัง​ความ​รัก​ต่อ​คัมภีร์​ไบเบิล​ไว้​ใน​หัวใจ​เขา. ปี 1807 เมื่อ​อายุ 25 ปี กรูว์​ได้​รับ​เชิญ​ให้​ทำ​หน้า​ที่​นัก​เทศน์​ของ​คริสตจักร​แบพติสต์ ใน​เมือง​ฮาร์ตฟอร์ด รัฐ​คอนเนตทิคัต.

เขา​ปฏิบัติ​หน้า​ที่​รับผิดชอบ​ใน​งาน​เทศนา​สั่ง​สอน​อย่าง​จริงจัง​และ​พยายาม​ช่วย​ผู้​คน​ที่​อยู่​ภาย​ใต้​การ​ดู​แล​ของ​เขา​ให้​ดำเนิน​ชีวิต​ประสาน​กับ​พระ​คัมภีร์. อย่าง​ไร​ก็​ดี เขา​มี​ความ​เชื่อ​มั่น​ใน​การ​รักษา​ประชาคม​ให้​สะอาด ปลอด​ผู้​คน​ที่​จงใจ​กระทำ​บาป​โดย​เจตนา. บาง​ครั้ง เขา​พร้อม​กับ​บาง​คน​ซึ่ง​มี​หน้า​ที่​รับผิดชอบ​ใน​คริสตจักร​จำเป็น​ต้อง​ขับ​ไล่ (ตัด​สัมพันธ์) คน​ที่​ทำ​ผิด​ประเวณี​หรือ​ร่วม​ใน​กิจ​ปฏิบัติ​ที่​ไม่​สะอาด​อย่าง​อื่น.

มี​ปัญหา​อื่น ๆ ใน​คริสตจักร​ซึ่ง​รบกวน​ใจ​เขา. พวก​เขา​ใช้​คน​ซึ่ง​ไม่​ใช่​สมาชิก​โบสถ์​ดำเนิน​ธุรกิจ​ของ​โบสถ์​และ​นำ​ร้อง​เพลง​ใน​เวลา​นมัสการ. คน​เหล่า​นี้​ยัง​สามารถ​ลง​คะแนน​เสียง​ใน​เรื่อง​ต่าง ๆ ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​คริสตจักร และ​ด้วย​เหตุ​นี้​จึง​มีอำนาจ​ควบคุม​กิจการ​ของ​คริสตจักร​อยู่​บ้าง. อาศัย​หลักการ​ว่า​ด้วย​การ​แยก​ตัว​ต่าง​หาก​จาก​โลก กรูว์​เชื่อ​มั่น​อย่าง​ยิ่ง​ว่า​เฉพาะ​คน​สัตย์​ซื่อ​เท่า​นั้น​ที่​สม​ควร​ปฏิบัติ​หน้า​ที่​ดัง​กล่าว. (2 โกรินโธ 6:14-18; ยาโกโบ 1:27) ใน​ทัศนะ​ของ​เขา การ​ยอม​ให้​คน​ไม่​มี​ความ​เชื่อ​ร้อง​เพลง​สดุดี​พระเจ้า​เป็น​การ​หมิ่น​ประมาท​พระองค์. เนื่อง​ด้วย​มี​จุด​ยืน​เช่น​นั้น ใน​ปี 1811 เฮนรี กรูว์​จึง​ไม่​เป็น​ที่​ยอม​รับ​ของ​คริสตจักร​อีก​ต่อ​ไป. สมาชิก​คน​อื่น ๆ ซึ่ง​มี​ทัศนะ​ตรง​กัน​ต่าง​ก็​แยก​ตัว​จาก​คริสตจักร​ใน​เวลา​เดียว​กัน.

การ​แยก​ตัว​จาก​คริสต์​ศาสนจักร

คน​กลุ่ม​นี้​รวม​ทั้ง​เฮนรี กรูว์​ได้​เริ่ม​ต้น​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​โดย​มี​เป้าหมาย​จะ​ปรับ​เปลี่ยน​ชีวิต​และ​กิจกรรม​ของ​ตน​เข้า​ประสาน​กับ​คำ​แนะ​นำ​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล. การ​ศึกษา​ทำ​ให้​พวก​เขา​เข้าใจ​ความ​จริง​แห่ง​คัมภีร์​ไบเบิล​ลึกซึ้ง​ยิ่ง​ขึ้น​ภาย​ใน​เวลา​อัน​รวด​เร็ว และ​เป็น​เหตุ​ที่​เขา​จะ​เปิดโปง​ความ​ผิด​พลาด​ต่าง ๆ ของ​คริสต์​ศาสนจักร. ตัว​อย่าง​เช่น ใน​ปี 1824 กรูว์​ได้​เขียน​ข้อ​โต้​แย้ง​ซึ่ง​มี​การ​ชัก​เหตุ​ผล​อย่าง​ชัดเจน​หักล้าง​เรื่อง​ตรีเอกานุภาพ. โปรด​สังเกต​ความ​ถูก​ต้อง​ตาม​เหตุ​ผล​ใน​เนื้อ​ความ​ต่อ​ไป​นี้​จาก​ข้อ​เขียน​ของ​เขา: “ ‘เกี่ยว​ด้วย​วัน​นั้น​และ​โมง​นั้น ไม่​มี​มนุษย์ คน​ใด​รู้ บรรดา​ทูต ใน​สวรรค์​ก็​ไม่​รู้ ถึง​พระ​บุตร ก็​ไม่​รู้ รู้​แต่​พระ​บิดา.’ [มาระโก 13:32] พึง​สังเกต​ลำดับ​ตำแหน่ง​ใน​ข้อ​นี้. มนุษย์, ทูตสวรรค์, พระ​บุตร, พระ​บิดา. . . . องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้าของ​เรา​ทรง​สอน​ว่า​พระ​บิดา​เท่า​นั้น​ทรง​ทราบ​วัน​นั้น. ทว่า​ข้อ​นี้​ไม่​จริง​อย่าง​ที่​บาง​คน​คิด เพราะ​ถ้า​พระ​บิดา, พระ​วาทะ, และ​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​เป็น​สาม​บุคคล​ใน​พระเจ้า​องค์​เดียว​ตาม [คำ​สอน​เรื่อง​ตรีเอกานุภาพ] นั้น . . . พระ​บุตร​ทรง​รู้​เรื่อง​วัน​เวลา​เท่า ๆ กับ​พระ​บิดา.”

กรูว์​ได้​เปิดโปง​ความ​หน้า​ซื่อ​ใจ​คด​ของ​นัก​เทศน์​และ​ผู้​บัญชา​การ​ทหาร​ซึ่ง​ทำที​ว่า​ปฏิบัติ​รับใช้​พระ​คริสต์. ใน​ปี 1828 เขา​แถลง​ดัง​นี้: “เรา​จะ​วาด​ภาพ​ความ​ไม่​สอดคล้อง​กัน​ที่​มาก​ไป​กว่า​นี้​ได้​ไหม​ที่​ว่า​คริสเตียน​เข้า​ไป​ห้อง​ชั้น​ใน​เพื่อ​อธิษฐาน​เผื่อ​ศัตรู​ของ​เขา และ​หลัง​จาก​นั้น​ก็​สั่ง​กอง​กำลัง​ของ​เขา​ใช้​ศัสตราวุธ​ที่​ร้ายแรง​จ้วง​แทง​เข้า​ที่​หัวใจ​ของ​บรรดา​ศัตรู​ด้วย​ความ​โกรธ​อย่าง​แสน​จะ​โหด​เหี้ยม? ใน​รูป​การ​หนึ่ง น่า​ยินดี​ที่​เขา​เป็น​เหมือน​นาย​ของ​เขา​ขณะ​ใกล้​จะ​สิ้น​พระ​ชนม์ แต่​อีก​รูป​การ​หนึ่ง​นั้น เขา​คล้าย​กัน​กับ​ผู้​ใด? พระ​เยซู​ทรง​อธิษฐาน​เผื่อ​ผู้​ร้าย​ที่​ร่วม​สังหาร​พระองค์. ส่วน​คริสเตียน​กลับ​ฆ่า​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ตน​อธิษฐาน​เผื่อ.”

กรูว์​เขียน​ด้วย​ถ้อย​คำ​ที่​หนักแน่น​มาก​ขึ้น​อีก​ดัง​นี้: “เมื่อ​ไร​เรา​จะ​เชื่อ​พระเจ้า​องค์​ทรง​ฤทธิ์​ทุก​ประการ​ซึ่ง​รับรอง​พวก​เรา​ว่า ‘จะ​หลอก’ พระองค์​เล่น​ไม่​ได้? เมื่อ​ไร​เรา​จะ​เข้าใจ​ลักษณะ คุณสมบัติ​อัน​ยอด​เยี่ยม​ของ​ศาสนา​บริสุทธิ์​ที่​แตกต่าง​จาก​ศาสนา​อื่น ๆ ซึ่ง​เรียก​ร้อง​เรา​ให้​หลีก​เว้น​แม้​แต่ ‘การ​ดู​เหมือน​ทำ​ชั่ว?’ . . . จะ​ไม่​เป็น​การ​หมิ่น​ประมาท​พระ​บุตร​ของ​พระเจ้า​หรอก​หรือ​ถ้า​หาก​ศาสนา​ของ​เขา​เรียก​ร้อง​มนุษย์​ให้​ปฏิบัติ​เยี่ยง​ทูตสวรรค์​ภาย​ใต้​สถานการณ์​อย่าง​หนึ่ง แต่​แล้ว​ใน​อีก​สภาพการณ์​หนึ่ง​ก็​ยอม​ให้​มนุษย์​กระทำ​เยี่ยง​ปิศาจ​ได้?

ชีวิต​นิรันดร์​ไม่​ได้​มี​มา​แต่​กำเนิด

ตลอด​หลาย​ปี​ก่อน​จะ​มี​วิทยุ​และ​โทรทัศน์ วิธี​หนึ่ง​ที่​ประชาชน​นิยม​ใช้​เพื่อ​แสดง​แง่​คิด​ของ​ตน​คือ​เขียน​เป็น​จุลสาร​แล้ว​นำ​ออก​ไป​แจก​จ่าย. ราว ๆ ปี 1835 กรูว์​ได้​เขียน​จุลสาร​ที่​สำคัญ​ซึ่ง​เปิดโปง​คำ​สอน​เกี่ยว​กับ​ความ​เป็น​อมตะ​แห่ง​จิตวิญญาณ​และ​ไฟ​นรก​ว่า​ไม่​เป็น​ไป​ตาม​หลัก​คัมภีร์​ไบเบิล. เขา​รู้สึก​ว่า​คำ​สอน​ดัง​กล่าว​หมิ่น​ประมาท​พระเจ้า.

จุลสาร​ดัง​กล่าว​ส่ง​ผล​กระทบ​กว้าง​ไกล. ใน​ปี 1837 จอร์จ สตอรส์ วัย 40 ปี​พบ​หนังสือ​นี้​บน​รถไฟ. สตอรส์​เป็น​ชาว​เลบานอน จาก​รัฐ​นิวแฮมป์เชียร์ แต่​ช่วง​นั้น​อาศัย​อยู่​ที่​ยูทิกา นิวยอร์ก.

เขา​เป็น​นัก​เทศน์​ที่​ได้​รับ​ความ​นับถือ​อย่าง​สูง​ใน​คริสตจักร​เมโทดิสต์-เอพิสโคพัล. เมื่อ​อ่าน​จุลสาร​เล่ม​นั้น เขา​รู้สึก​ประทับใจ​ที่​มี​การ​โต้​แย้ง​อย่าง​เผ็ด​ร้อน​ต่อ​ต้าน​คำ​สอน​พื้น​ฐาน​เหล่า​นั้น​ของ​คริสต์​ศาสนจักร ซึ่ง​แต่​ก่อน​เขา​เอง​ไม่​นึก​สงสัย. เขา​ไม่​รู้​ว่า​ใคร​เป็น​ผู้​เขียน​จน​กระทั่ง​หลาย​ปี​ต่อ​มา อย่าง​น้อย​ประมาณ​ปี 1844 เมื่อ​เขา​ได้​พบ​เฮนรี กรูว์ ใน​ช่วง​ที่​บุคคล​ทั้ง​สอง​อยู่​ใน​เมือง​ฟิลาเดลเฟีย รัฐ​เพนซิลเวเนีย. อย่าง​ไร​ก็​ดี สตอรส์​ทำ​การ​ศึกษา​ค้นคว้า​ด้วย​ตัว​เอง​เป็น​เวลา​สาม​ปี เขา​พูด​คุย​เรื่อง​นี้​ระหว่าง​นัก​เทศน์​ด้วย​กัน​เท่า​นั้น.

ท้าย​ที่​สุด เมื่อ​ไม่​มี​ใคร​สามารถ​พิสูจน์​หักล้าง​สิ่ง​ที่​เขา​ได้​เรียน​รู้ จอร์จ สตอรส์​จึง​ตัดสิน​ใจ​ว่า​เขา​ไม่​อาจ​เป็น​คน​ซื่อ​สัตย์​ต่อ​พระเจ้า​ได้ ตราบ​ที่​ยัง​อยู่​ใน​คริสตจักร​เมโทดิสต์. เขา​ประกาศ​ถอน​ตัว​ใน​ปี 1840 และ​ย้าย​ไป​อยู่​ที่​เมือง​ออลบานี รัฐ​นิวยอร์ก.

ต้น​ฤดู​ใบ​ไม้​ผลิ​ปี 1842 สตอรส์​ได้​แสดง​ปาฐกถา​ชุด​หก​เรื่อง​ภาย​ใน​เวลา​หก​สัปดาห์​เรื่อง “กระทู้​ถาม—คน​ชั่ว​เป็นอมตะ​ไหม?” คน​สนใจ​เรื่อง​นี้​มี​มาก​มาย​จน​เขา​ตรวจ​สอบ​แก้ไข​ใหม่​เพื่อ​จัด​พิมพ์​เป็น​หนังสือ และ​ต่อ​จาก​นั้น​อีก 40 กว่า​ปี หนังสือ​นี้​ได้​พิมพ์​ออก​ใน​ประเทศ​สหรัฐ​และ​เกาะ​บริเตนใหญ่​มี​จำนวน​มาก​ถึง 200,000 เล่ม. สตอรส์​และ​กรูว์​ได้​ร่วม​มือ​กัน​จัด​โต้​วาที​คัดค้าน​คำ​สอน​ที่​ว่า​จิตวิญญาณ​เป็น​อมตะ. กรูว์​ยัง​คง​ทำ​การ​เผยแพร่​ด้วย​ความ​กระตือรือร้น​อยู่​เรื่อย​มา กระทั่ง​สิ้น​ชีวิต​เมื่อ​วัน​ที่ 8 สิงหาคม 1862 ที่​เมือง​ฟิลาเดลเฟีย.

ไม่​นาน​หลัง​จาก​สตอรส์​แสดง​ปาฐกถา​หก​เรื่อง​ตาม​ที่​เพิ่ง​กล่าว​ไป เขา​หัน​มา​สนใจ​การ​ประกาศ​ของ​วิลเลียม มิลเลอร์ ผู้​คาด​หวัง​การ​เสด็จ​กลับ​ของ​พระ​คริสต์​ใน​ปี 1843 ซึ่ง​จะ​เห็น​ด้วย​ตา. นาน​ร่วม​สอง​ปี​ที​เดียว​ที่​สตอรส์​หมกมุ่น​ทำ​งาน​ประกาศ​ข่าวสาร​นี้​อย่าง​ขันแข็ง​ทั่ว​ภาค​ตะวัน​ออก​เฉียง​เหนือ​ของ​สหรัฐ. หลัง​ปี 1844 เขา​ไม่​เห็น​ด้วย​อีก​ต่อ​ไป​กับ​การ​ระบุ​วัน​เดือน​ปี​ที่​พระ​คริสต์​จะ​เสด็จ​กลับ กระนั้น เขา​ไม่​ได้​คัดค้าน​ถ้า​คน​อื่น ๆ ประสงค์​จะ​สืบ​ค้น​การ​คำนวณ​วัน​เดือน​ปี. สตอรส์​เชื่อ​ว่า​การ​เสด็จ​กลับ​ของ​พระ​คริสต์​ใกล้​เข้า​มา และ​เป็น​เรื่อง​สำคัญ​สำหรับ​คริสเตียน​ที่​จะ​พึง​ตื่น​ตัว​และ​เฝ้า​ระวัง​ตัว​ฝ่าย​วิญญาณ​อยู่​เสมอ เตรียม​พร้อม​สำหรับ​วัน​แห่ง​การ​ตรวจตรา. แต่​เขา​ได้​แยก​ตัว​จาก​กลุ่ม​มิลเลอร์ เนื่อง​จาก​คน​เหล่า​นั้น​ได้​รับ​เอา​คำ​สอน​ซึ่ง​ไม่​เป็น​ตาม​หลัก​คัมภีร์​ไบเบิล อาทิ ความ​เป็น​อมตะ​ของ​จิตวิญญาณ, โลก​จะ​ถูก​ทำลาย​ด้วย​ไฟ, และ​การ​สิ้น​หวัง​ที่​จะ​มี​ชีวิต​ตลอด​ไป​สำหรับ​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ตาย​ไป​โดย​ไม่​รู้​เรื่อง​พระเจ้า.

ความ​รัก​ของ​พระเจ้า​นำ​ไป​ถึง​อะไร?

สตอรส์​รับ​ไม่​ได้​ที่​คณะ​แอดเวนตีส​มี​ความ​คิด​ว่า​พระเจ้า​จะ​ปลุก​คน​ชั่ว​ขึ้น​จาก​ตาย​ด้วย​จุด​มุ่ง​หมาย​เดียว​เท่า​นั้น​คือ​เพื่อ​จะ​ทำ​ให้​เขา​ตาย​อีก. เขา​มอง​ไม่​เห็น​หลักฐาน​ใด ๆ ใน​พระ​คัมภีร์​เกี่ยว​กับ​การ​กระทำ​ที่​ไม่​ได้​เรื่อง​แบบ​นั้น​และ​เป็น​การ​แก้แค้น​ใน​ส่วน​ของ​พระเจ้า. แต่​สตอรส์​กับ​พรรค​พวก​หัน​กลับ​ไป​สุด​ขั้ว​อีก​ทาง​หนึ่ง และ​สรุป​เอา​ว่า​คน​ชั่ว​จะ​ไม่​ได้​รับ​การ​ปลุก​ขึ้น​จาก​ตาย​อีก​เลย. แม้​พวก​เขา​รู้สึก​ว่า​ยุ่งยาก​ที่​จะ​อธิบาย​เฉพาะ​พระ​คัมภีร์​บาง​ข้อ​ซึ่ง​เกี่ยว​โยง​กับ​การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย​ของ​คน​อธรรม เขา​คิด​ว่า​ข้อ​สรุป​ของ​เขา​ดู​เหมือน​จะ​สอดคล้อง​กับ​ความ​รัก​ของ​พระเจ้า​มาก​กว่า. การ​เข้าใจ​ขั้น​ต่อ​ไป​เกี่ยว​กับ​พระ​ประสงค์​ของ​พระเจ้า​คง​จะ​มี​ขึ้น​ใน​ไม่​ช้า.

ปี 1870 สตอรส์​ป่วย​หนัก​และ​ทำ​งาน​ไม่​ได้​หลาย​เดือน. ใน​ระหว่าง​นั้น เขา​สามารถ​ตรวจ​สอบ​ทบทวน​ทุก​สิ่ง​ที่​ได้​เรียน​รู้​มา​ตลอด​ชั่ว​ชีวิต 74 ปี​ของ​เขา. เขา​ลง​ความ​เห็น​ว่า​เขา​พลาด​ส่วน​สำคัญ​ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​พระ​ประสงค์​ของ​พระเจ้า​ต่อ​มนุษยชาติ​ซึ่ง​ระบุ​ใน​สัญญา​ไมตรี​ที่​ทำ​ไว้​กับ​อับราฮาม—‘ครอบครัว​ทั้ง​ปวง​แห่ง​แผ่นดิน​โลก​จะ​ทำ​ให้​ตัว​เอง​ได้​พระ​พร เนื่อง​ด้วย​อับราฮาม​ได้​ฟัง​เสียง​ของ​พระเจ้า.’—เยเนซิศ 22:18, ล.ม.; กิจการ 3:25.

ทั้ง​นี้​ทำ​ให้​เขา​เกิด​ความ​คิด​ใหม่​ขึ้น​ใน​ใจ. ถ้า “ครอบครัว​ทั้ง​ปวง” จะ​ได้​พระ​พร ทุก​ครอบครัว​ก็​น่า​จะ​ได้​ยิน​ข่าว​ดี​มิ​ใช่​หรือ? พวก​เขา​จะ​ได้​ยิน​ข่าว​ดี​อย่าง​ไร? ผู้​คน​ไม่​รู้​กี่​ล้าน​ต่อ​กี่​ล้าน​ได้​ตาย​ไป​แล้ว​มิ​ใช่​หรือ? เมื่อ​ตรวจ​สอบ​ข้อ​คัมภีร์ต่าง ๆ ขั้น​ต่อ​ไป เขา​ลง​ความ​เห็น​ว่า​คน​ตาย​ที่​ถูก​นับ​อยู่​ใน​จำพวก “คน​ชั่ว” มี​สอง​ประเภท นั่น​คือ คน​เหล่า​นั้น​ที่​จงใจ​ปฏิเสธ​ความ​รัก​ของ​พระเจ้า และ​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ตาย​ไป​โดย​ไม่​ได้​รู้​เรื่อง​พระเจ้า.

สตอรส์​ลง​ความ​เห็น​ว่า คน​ประเภท​หลัง​คง​ต้อง​ได้​รับ​การ​ปลุก​ขึ้น​จาก​ตาย เพื่อ​ว่า​เขา​จะ​มี​โอกาส​รับ​ผล​ประโยชน์​จาก​เครื่อง​บูชา​ไถ่​ของ​พระ​คริสต์​เยซู. บรรดา​คน​ที่​รับรอง​เอา​ค่า​ไถ่​จะ​อยู่​บน​แผ่นดิน​โลก​ชั่วนิรันดร์. ส่วน​คน​ที่​ปฏิเสธ​จะ​ถูก​ทำลาย. ใช่​แล้ว สตอรส์​เชื่อ​มั่น​ว่า​พระเจ้า​ย่อม​จะ​ไม่​ปลุก​คน​หนึ่ง​คน​ใด​ขึ้น​จาก​ตาย หาก​ไม่​ทรง​โปรด​ให้​ความ​หวัง​สำหรับ​อนาคต​ที่​ดี​แก่​ผู้​นั้น. ใน​ที่​สุด ไม่​มี​ใคร​ต้อง​ตาย​เพราะ​บาป​อัน​สืบ​เนื่อง​จาก​อาดาม ยก​เว้น​อาดาม​เพียง​ผู้​เดียว! แต่​จะ​เป็น​เช่น​ไร​กับ​คน​เหล่า​นั้น​ที่​อยู่​ใน​ช่วง​การ​เสด็จ​กลับ​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​เจ้า? ใน​ที่​สุด สตอรส์​มอง​เห็น​ว่า​จำเป็น​ต้อง​รณรงค์​การ​ประกาศ​ทั่ว​โลก​เพื่อ​ข่าว​จะ​ไป​ถึง​ผู้​คน. เขา​คิด​ไม่​ออก​แม้​แต่​น้อย​ว่า​งาน​ดัง​กล่าว​จะ​ลุ​ล่วง​ไป​ได้​อย่าง​ไร แต่​ด้วย​ความ​เชื่อ​เขา​เขียน​ดัง​นี้: “ยัง​มี​อีก​หลาย​คน​ถ้า​เขา​ไม่​สามารถ​มอง​เห็น​ว่า​งาน​อย่าง​หนึ่ง​จะ​สำเร็จ​ลุ​ล่วง​ไป​ได้​อย่าง​ไร เขา​ก็​ทิ้ง​งาน​นั้น​ไป​เสีย ราว​กับ​ว่า​นั่น​เป็น​ไป​ไม่​ได้​ที่​พระเจ้า​จะ​ทำ​การ​นี้ เนื่อง​จาก​พวก​เขา​ไม่​สามารถ​มอง​เห็น​ขั้น​ตอน​การ​ดำเนิน​งาน.”

จอร์จ สตอรส์​สิ้น​ชีวิต​ที่​บ้าน​ของ​เขา​ใน​บรุกลิน นิวยอร์ก เมื่อ​เดือน​ธันวาคม ปี 1879 ห่าง​เพียง​สอง​สาม​ช่วง​ตึก​จาก​ละแวก​ซึ่ง​ใน​เวลา​ต่อ​มา​ได้​กลาย​เป็น​จุด​รวม​การ​รณรงค์​งาน​ประกาศ​ทั่ว​โลก ซึ่ง​เขา​เอง​เคย​คาด​หมาย​ล่วง​หน้า​ด้วย​ความ​กระตือรือร้น​อย่าง​มาก.

จำ​ต้อง​ได้​รับ​ความ​สว่าง​ต่อ ๆ ไป

บุคคล​ดัง​กล่าว เช่น เฮนรี กรูว์ และ​จอร์จ สตอรส์​เข้าใจ​ความ​จริง​แจ่ม​แจ้ง​เหมือน​พวก​เรา​เข้าใจ​ใน​เวลา​นี้​ไหม? เปล่า. คน​ทั้ง​สอง​ตระหนัก​ว่า​จะ​ต้อง​บากบั่น​พยายาม​ต่อ​ไป ดัง​ที่​สตอรส์​ได้​แถลง​ใน​ปี 1847 ว่า “เรา​พึง​จำ​ไว้​ให้​ดี​ว่า​เรา​เพิ่ง​โผล่​พ้น​ยุค​มืด​แห่ง​คริสตจักร; และ​คง​ไม่​ต้อง​ประหลาด​ใจ​ถ้า​จะ​เห็น​พวก​เรา​ยัง​สวม ‘เสื้อ​แบบ​บาบูโลน’ บาง​ชิ้น​อยู่​โดย​ที่​คิด​ว่า​เป็น​ความ​จริง.” ยก​ตัว​อย่าง กรูว์ หยั่ง​รู้​ค่า​ต่อ​ค่า​ไถ่​ที่​จัด​เตรียม​ผ่าน​ทาง​พระ​เยซู ทว่า​ไม่​เข้าใจ​ว่า​นั่น​หมาย​ถึง​ชีวิต​มนุษย์​สมบูรณ์​ของ​พระ​เยซู​ที่​ทรง​สละ​เป็น “ค่า​ไถ่​อัน​มี​ค่า​เท่า​เทียม​กัน” เพื่อ​แลก​กับ​ชีวิต​สมบูรณ์​ของ​อาดาม​ที่​สูญ​เสีย​ไป. (1 ติโมเธียว 2:6, ล.ม.) เฮนรี กรูว์ เชื่อ​ผิด ๆ ด้วย​ว่า​พระ​เยซู​จะ​เสด็จ​กลับ​มา​และ​ปกครอง​แผ่นดิน​โลก​อย่าง​ที่​ประจักษ์​ด้วย​ตา. อย่าง​ไร​ก็​ดี กรูว์​ถือ​เป็น​ธุระ​ใน​การ​ทำ​ให้​พระ​นาม​ของ​พระ​ยะโฮวา​เป็น​ที่​นับถือ​อัน​บริสุทธิ์ ประเด็น​ซึ่ง​มี​น้อย​คน​นัก​ให้​ความ​สนใจ​นับ​ตั้ง​แต่​ศตวรรษ​ที่​สอง​แห่ง​สากล​ศักราช.

จอร์จ สตอรส์​ก็​เช่น​เดียว​กัน​ไม่​เข้าใจ​จุด​สำคัญ​บาง​จุด​อย่าง​ถูก​ต้อง. เขา​สามารถ​มอง​เห็น​ความ​เท็จ​ต่าง ๆ ที่​นัก​เทศน์​ได้​ส่ง​เสริม แต่​บาง​ครั้ง​เขา​กลับ​สุด​ขั้ว​ไป​ทาง​ตรง​กัน​ข้าม. ยก​ตัว​อย่าง ดู​เหมือน​ว่า​เขา​มี​ปฏิกิริยา​มาก​ไป​ต่อ​ทัศนะ​ของ​นัก​เทศน์​นิกาย​ออร์โทด็อกซ์​เกี่ยว​กับ​ซาตาน สตอรส์​ปฏิเสธ​แนว​คิด​ที่​ว่า​พญา​มาร​มี​ตัว​ตน​จริง. เขา​ปฏิเสธ​ตรีเอกานุภาพ กระนั้น เขา​ไม่​แน่​ใจ​ว่า​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​เป็น​บุคคล​หรือ​ไม่ จน​กระทั่ง​ได้​มา​เข้าใจ​ไม่​นาน​ก่อน​เขา​เสีย​ชีวิต. ถึง​แม้​ที​แรก​จอร์จ สตอรส์​คาด​หมาย​ว่า​การ​เสด็จ​กลับ​ของ​พระ​คริสต์​จะ​ไม่​ปรากฏ​แก่​ตา แต่​แล้ว​ใน​ที่​สุด​เขา​คิด​ว่า​การ​เสด็จกลับ​นั้น​จะ​ประจักษ์​ด้วย​ตา. อย่าง​ไร​ก็​ดี ดู​เหมือน​บุคคล​ทั้ง​สอง​เป็น​คน​บริสุทธิ์​ใจ​และ​จริง​ใจ และ​เขา​ได้​เข้า​มา​ใกล้​ความ​จริง​มาก​กว่า​คน​ส่วน​ใหญ่.

“นา” ซึ่ง​พระ​เยซู​ทรง​พรรณนา​ใน​อุทาหรณ์​เรื่อง​ข้าว​สาลี​และ​วัชพืช​นั้น​ยัง​ไม่​ถึง​เวลา​เกี่ยว​เก็บ. (มัดธาย 13:38) กรูว์, สตอรส์, และ​คน​อื่น ๆ ต่าง​ก็​ทำ​งาน​ใน “นา” เตรียม​การ​สำหรับ​ฤดู​เกี่ยว.

ชาลส์ เทซ รัสเซลล์ ผู้​เริ่ม​จัด​พิมพ์​วารสาร​นี้​ใน​ปี 1879 ได้​เขียน​เกี่ยว​กับ​ช่วง​แรก ๆ ของ​ท่าน​ว่า “องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ทรง​ให้​การ​ช่วยเหลือ​พวก​เรา​หลาย​อย่าง​ใน​การ​ศึกษา​พระ​คำ​ของ​พระองค์ ท่ามกลาง​ชน​เหล่า​นั้น​ที่​โดด​เด่น​ก็​มี บราเดอร์​จอร์จ สตอรส์ ผู้​สูง​วัย​และ​เป็น​บุคคล​ที่​รัก​ยิ่ง​ของ​พวก​เรา ท่าน​ได้​ให้​การ​ช่วยเหลือ​เรา​เป็น​อย่าง​มาก​ทั้ง​โดย​ถ้อย​คำ​และ​ข้อ​เขียน; แต่​เรา​ก็​พยายาม​มา​ตลอด​ที่​จะ​ไม่​ติด​ตาม​มนุษย์ ไม่​ว่า​เขา​จะ​เป็น​คน​ดี​หรือ​ฉลาด​แค่​ไหน ทว่า ‘เป็น​ผู้​ติด​ตาม​พระเจ้า​เหมือน​เป็น​บุตร​ที่​รัก.’ ” ใช่​แล้ว นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ที่​จริง​ใจ​ย่อม​ได้​ประโยชน์​จาก​ความ​บากบั่น​พยายาม​ของ​บุคคล​อย่าง​กรูว์​และ​สตอรส์ แต่​ที่​ยัง​ถือ​ว่า​สำคัญ​อยู่​คือ​การ​ตรวจ​สอบ​พิจารณา​คัมภีร์​ไบเบิล พระ​คำ​ของ​พระเจ้า ฐานะ​เป็น​บ่อ​เกิด​แท้​ของ​ความ​จริง.—โยฮัน 17:17.

[กรอบ/ภาพ​หน้า 26]

เรื่อง​ที่​เฮนรี กรูว์​เชื่อ

พระ​นาม​ของ​พระ​ยะโฮวา​ถูก​ตำหนิ และ​จำเป็น​ต้อง​ทำ​ให้​พระ​นาม​เป็น​ที่​นับถือ​อัน​บริสุทธิ์.

ตรีเอกานุภาพ, ความ​เป็น​อมตะ​ของ​จิตวิญญาณ, และ​ไฟ​นรก​เป็น​คำ​สอน​หลอก​ลวง.

ประชาคม​คริสเตียน​ต้อง​แยก​ต่าง​หาก​จาก​โลก.

คริสเตียน​ไม่​ควร​มี​ส่วน​ใน​การ​สงคราม​ของ​ชาติ​ต่าง ๆ.

คริสเตียน​ไม่​อยู่​ใต้​พระ​บัญญัติ​ที่​ให้​ถือ​วัน​เสาร์​หรือ​วัน​อาทิตย์​เป็น​วัน​ซะบาโต.

คริสเตียน​ไม่​ควร​สังกัด​อยู่​ใน​สมาคม​ลับ เช่น สมาคม​ฟรี​มา​ซอน (สมาชิก​ระบุ​ตัว​กัน​โดย​ใช้​รหัส​ลับ).

ท่ามกลาง​คริสเตียน​ต้อง​ไม่​มี​การ​แบ่ง​ชั้น​ระหว่าง​นัก​เทศน์​กับ​ฆราวาส.

ฐานะ​ตำแหน่ง​ทาง​ศาสนา​เริ่ม​ต้น​มา​จาก​พวก​ต่อ​ต้าน​พระ​คริสต์.

ทุก​ประชาคม​พึง​มี​คณะ​ผู้​ปกครอง.

ผู้​ปกครอง​ต้อง​บริสุทธิ์​ใน​ทาง​การ​ประพฤติ​ทุก​อย่าง พ้น​การ​ติเตียน.

คริสเตียน​ทุก​คน​ต้อง​ประกาศ​ข่าว​ดี.

จะ​มี​ผู้​คน​ดำรง​ชีวิต​ชั่วนิรันดร์​ใน​อุทยาน​บน​แผ่นดิน​โลก.

บทเพลง​คริสเตียน​ควร​เป็น​คำ​สรรเสริญ​แด่​พระ​ยะโฮวา​และ​พระ​คริสต์.

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

Photo: Collection of The New-York Historical Society/69288

[กรอบ/ภาพ​หน้า 28]

เรื่อง​ที่​จอร์จ สตอรส์​เชื่อ

พระ​เยซู​ได้​ทรง​ชำระ​ราคา​ค่า​ไถ่​เพื่อ​มนุษยชาติ​ด้วย​ชีวิต​ของ​พระองค์.

การ​ประกาศ​ข่าว​ดี​ยัง​ไม่​ได้​ทำ​กัน (ใน​ปี 1871).

เนื่อง​จาก​งาน​ประกาศ​ยัง​ไม่​ได้​ทำ​กัน อวสาน​ยัง​ไม่​มา​ใกล้​ใน​ตอน​นั้น (1871). จะ​ต้อง​เป็น​ช่วง​เวลา​ใน​วัน​ข้าง​หน้า​เมื่อ​จะ​มี​การ​ประกาศ.

จะ​มี​ผู้​คน​ที่​ได้​รับ​ชีวิต​นิรันดร์​บน​แผ่นดิน​โลก.

จะ​มี​การ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย​สำหรับ​คน​ทั้ง​ปวง​ซึ่ง​ตาย​ไป​โดย​ที่​ยัง​ไม่​ได้​รู้​จัก​พระเจ้า. คน​เหล่า​นั้น​ที่​รับ​เอา​เครื่อง​บูชา​ไถ่​ของ​พระ​คริสต์​จะ​ได้​รับ​ชีวิต​นิรันดร์​บน​แผ่นดิน​โลก. ส่วน​คน​ที่​ปฏิเสธ​จะ​ถูก​ทำลาย.

ความ​เป็น​อมตะ​ของ​จิตวิญญาณ​และ​ไฟ​นรก​เป็น​คำ​สอน​เท็จ​ซึ่ง​หลู่​เกียรติ​พระเจ้า.

อาหาร​มื้อ​เย็น​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​เป็น​การ​ฉลอง​ประจำ​ปี​ใน​วัน​ที่ 14 เดือน​ไนซาน.

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

Photo: SIX SERMONS, by George Storrs (1855)

[ภาพ​หน้า 29]

ใน​ปี 1909 ซี. ที. รัสเซลล์ บรรณาธิการ​วารสาร “หอสังเกตการณ์​แห่ง​ซีโอน” ได้​ย้าย​ไป​บรุกลิน รัฐ​นิวยอร์ก สหรัฐ​อเมริกา