ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

การบาดเจ็บที่ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไป

การบาดเจ็บที่ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไป

การ​บาดเจ็บ​ที่​ทำ​ให้​ชีวิต​ผม​เปลี่ยน​ไป

เล่า​โดย​สแตนลีย์ ออมเบวา

ใน​ปี 1982 ผม​ถูก​รถยนต์​ที่​แล่น​มา​อย่าง​เร็ว​พุ่ง​ชน. ผม​ได้​รับ​การ​รักษา​และ​ไม่​นาน​ก็​ใช้​ชีวิต​ได้​ตาม​ปกติ​อีก​ครั้ง แม้​จะ​รู้สึก​เจ็บ​ปวด​เป็น​ระยะ ๆ เนื่อง​จาก​หมอน​รอง​กระดูก​สัน​หลัง​ระหว่าง​คอ​กับ​หน้า​อก​เคลื่อน. อย่าง​ไร​ก็​ตาม 15 ปี​ต่อ​มา ผม​ต้อง​เผชิญ​กับ​ประสบการณ์​ที่​ท้าทาย​ความ​เชื่อ​มาก​ที่​สุด​ใน​ชีวิต​ของ​ผม.

ก่อน​ประสบ​อุบัติเหตุ และ​แม้​แต่​ใน​ระดับ​หนึ่ง​หลัง​จาก​นั้น ผม​เป็น​คน​แข็งแรง​กระปรี้กระเปร่า. ผม​ชอบ​ออก​กำลัง​กาย​เป็น​ประจำ ซึ่ง​รวม​ถึง​การ​วิ่ง​เหยาะ ๆ ประมาณ 10 ถึง 13 กิโลเมตร​ใน​วัน​สุด​สัปดาห์, เล่น​สควอช, และ​ทำ​งาน​ที่​ต้อง​ใช้​แรง​มาก. ผม​ช่วย​ใน​การ​ก่อ​สร้าง​หอ​ประชุม​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​รวม​ทั้ง​หอ​ประชุม​ใหญ่​ที่​ไนโรบี ประเทศ​เคนยา ที่​ที่​เรา​อยู่.

จาก​นั้น ใน​ปี 1997 ผม​ก็​มี​อาการ​เจ็บ​หน้า​อก​บ่อย​ขึ้น​และ​รุนแรง​ขึ้น. แพทย์​ตรวจ​พบ​ว่า​หมอน​รอง​กระดูก​สัน​หลัง​ชิ้น​หนึ่ง​ของ​ผม​เคลื่อน​ไป​กด​ทับ​ไข​สัน​หลัง. นี่​เป็น​ผล​สืบ​เนื่อง​จาก​อุบัติเหตุ​ที่​ผม​กล่าว​ถึง​ข้าง​ต้น.

ก่อน​ที่​สุขภาพ​ของ​ผม​จะ​ทรุด​ลง ผม​ทำ​งาน​เป็น​พนักงาน​ขาย. งาน​ของ​ผม​มี​ประกัน​สุขภาพ​ให้​ครอบครัว​ด้วย. อนาคต​ใน​โลก​ธุรกิจ​ของ​ผม​ดู​สดใส. แต่​ใน​ตอน​กลาง​ปี 1998 ผม​เกิด​อาการ​ชา​อย่าง​รุนแรง​ตั้ง​แต่​หน้า​อก​จน​ถึง​เท้า. สุขภาพ​ของ​ผม​ทรุด​ลง​ทุก​วัน.

จาก​นั้น​ไม่​นาน ผม​ก็​ตก​งาน​และ​สูญ​เสีย​สวัสดิการ​ทุก​อย่าง. ลูก​สาว​สอง​คน​ของ​เรา​คือ​ซิลเวีย​และ​วิล​เฮลมีนา ตอน​นั้น​เพิ่ง​มี​อายุ 13 และ 10 ปี​ตาม​ลำดับ. เมื่อ​ผม​ตก​งาน เรา​ก็​ต้อง​อาศัย​เงิน​เดือน​ของ​จอยซ์ ภรรยา​ของ​ผม. เมื่อ​เผชิญ​กับ​สภาพการณ์​ใหม่ เรา​ต้อง​ปรับ​ชีวิต​ของ​เรา​โดย​ตัด​ทอน​สิ่ง​ที่​ไม่​จำเป็น. เรา​สามารถ​อยู่​ได้.

ความ​รู้สึก​แง่​ลบ

ผม​ต้อง​ยอม​รับ​ว่า เมื่อ​ผม​เริ่ม​เข้าใจ​ความ​ร้ายแรง​ของ​สิ่ง​ที่​เกิด​ขึ้น ผม​ก็​เกิด​ความ​รู้สึก​ใน​แง่​ลบ, คิด​ถึง​แต่​ตน​เอง, และ​มี​อารมณ์​หงุดหงิด. บาง​ครั้ง ผม​โมโห​และ​เกรี้ยวกราด เอา​เรื่อง​เล็ก ๆ น้อย ๆ มา​เป็น​อารมณ์​ไป​เสีย​ทุก​เรื่อง. ผม​เกือบ​จะ​เป็น​โรค​ซึมเศร้า. ทุก​คน​ใน​ครอบครัว​รู้สึก​เครียด. ภรรยา​กับ​ลูก​สาว​ของ​ผม​ต้อง​เผชิญ​กับ​สภาพการณ์​ที่​ไม่​เหมือน​ใคร​ซึ่ง​พวก​เขา​แทบ​ไม่​รู้​อะไร​เลย​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​นั้น.

ใน​ตอน​นั้น ผม​คิด​ว่า​ก็​สม​ควร​แล้ว​ที่​ผม​จะ​รู้สึก​อย่าง​นั้น. น้ำหนัก​ตัว​ผม​เพิ่ม​ขึ้น​อย่าง​รวด​เร็ว. ผม​มี​ปัญหา​มาก​ใน​เรื่อง​การ​ควบคุม​การ​ถ่าย​อุจจาระ​และ​ปัสสาวะ. ผม​ต้อง​อับอาย​ขายหน้า​อยู่​เป็น​ประจำ. ไม่​ใช่​เรื่อง​แปลก​ที่​จะ​เห็น​ผม​อยู่​คน​เดียว​ที่​มุม​ห้อง ด้วย​น้ำตา​คลอ​เบ้า. มี​บาง​ครั้ง​ที่​ผม​รู้สึก​โมโห​มาก​จน​เกือบ​จะ​กลาย​เป็น​เรื่อง​ตลก. ผม​รู้​ว่า​ผม​รับมือ​กับ​สภาพการณ์​ของ​ตัว​เอง​ได้​ไม่​ดี​นัก.

ใน​ฐานะ​ที่​เป็น​ผู้​ปกครอง​ใน​ประชาคม​คริสเตียน​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา ผม​มัก​จะ​ให้​คำ​แนะ​นำ​เพื่อน​คริสเตียน​ว่า​อย่า​โทษ​พระ​ยะโฮวา​เรื่อง​ความ​ทุกข์​ไม่​ว่า​รูป​แบบ​ใด​ก็​ตาม. แต่​ผม​กลับ​ถาม​ซ้ำ​แล้ว​ซ้ำ​อีก​ว่า ‘ทำไม​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ยอม​ให้​เรื่อง​นี้​เกิด​ขึ้น​กับ​ผม?’ แม้​ว่า​ผม​เคย​ใช้​ข้อ​คัมภีร์ เช่น 1 โกรินโธ 10:13 เพื่อ​ชู​ใจ​และ​หนุน​กำลังใจ​คน​อื่น ผม​กลับ​รู้สึก​ว่า​สิ่ง​ที่​ผม​ประสบ​นั้น​รุนแรง​เกิน​กว่า​ที่​จะ​ทน​ได้!

ข้อ​ท้าทาย​ทาง​การ​รักษา

การ​แสวง​หา​การ​รักษา​ที่​ดี​กลาย​เป็น​เรื่อง​ยาก​ลำบาก. ผม​เคย​ไป​หา​นัก​กายภาพ​บำบัด, นัก​บำบัด​โรค​ด้วย​วิธี​ไคโรแพรกติก, และ​หมอ​ฝัง​เข็ม​ภาย​ใน​วัน​เดียว​กัน. ถ้า​อาการ​บรรเทา​ลง​บ้าง ก็​แค่​ชั่ว​คราว. ผม​ปรึกษา​แพทย์​หลาย​คน รวม​ทั้ง​ศัลยแพทย์​ออร์โทพีดิกส์​และ​ประสาท​ศัลยแพทย์. ทุก​คน​เห็น​พ้อง​กัน​ใน​เรื่อง​หนึ่ง​คือ จำเป็น​ต้อง​มี​การ​ผ่าตัด​เพื่อ​บรรเทา​ความ​เจ็บ​ปวด​และ​เอา​หมอน​รอง​กระดูก​ที่​เคลื่อน​ออก. เนื่อง​จาก​ความ​เชื่อ​ที่​อาศัย​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​หลัก ผม​ได้​อธิบาย​อย่าง​ชัดเจน​ให้​ผู้​เชี่ยวชาญ​ทาง​การ​แพทย์​เหล่า​นี้​ฟัง​ว่า​จะ​ต้อง​ไม่​ให้​เลือด​แก่​ผม​ไม่​ว่า​จะ​เกิด​อะไร​ขึ้น.—กิจการ 15:28, 29.

ศัลยแพทย์​คน​แรก​บอก​ว่า​เขา​จะ​ผ่าตัด​เข้า​ทาง​หลัง​ของ​ผม. เขา​อธิบาย​ให้​ผม​ฟัง​ว่า​วิธี​นี้​ค่อนข้าง​เสี่ยง. แต่​ศัลยแพทย์​คน​นี้​ไม่​รับประกัน​ว่า​จะ​ไม่​ใช้​เลือด. ผม​ไม่​ได้​กลับ​ไป​หา​เขา​อีก.

แพทย์​คน​ที่​สอง​บอก​ว่า​เขา​จะ​ผ่า​ทาง​ลำคอ​เพื่อ​เข้า​ถึง​กระดูก​สัน​หลัง. วิธี​นี้​ฟัง​ดู​น่า​กลัว​มาก. แม้​เขา​ไม่​ขัดข้อง​เรื่อง​ที่​ผม​ไม่​ยอม​รับ​เลือด แต่​เขา​ต้องการ​ให้​ผ่าตัด​ทันที​และ​ไม่​ได้​บอก​ราย​ละเอียด​มาก​นัก. ผม​ไม่​ได้​กลับ​ไป​หา​เขา​เช่น​กัน.

อย่าง​ไร​ก็​ตาม ผม​ได้​พบ​แพทย์​ที่​ให้​ความ​ร่วม​มือ​โดย​ได้​รับ​ความ​ช่วยเหลือ​จาก​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ที่​รับใช้​ใน​คณะ​กรรมการ​ประสาน​งาน​โรง​พยาบาล​ใน​ท้องถิ่น. ขั้น​ตอน​การ​ผ่าตัด​ของ​ศัลยแพทย์​คน​ที่​สาม​นี้​คล้าย​กับ​วิธี​ที่​แพทย์​คน​ที่​สอง​เสนอ คือ​ต้อง​ผ่า​เข้า​ไป​ทาง​ลำคอ. เขา​อธิบาย​ว่า ความ​เสี่ยง​จะ​น้อย​ที่​สุด.

การ​แสดง​ขั้น​ตอน​การ​ผ่าตัด​ให้​ผม​ดู​อย่าง​ละเอียด​ทำ​ให้​ผม​รู้สึก​กลัว. การ​ที่​รู้​ว่า​ต้อง​ผ่าตัด​ใกล้ ๆ กับ​อวัยวะ​ที่​บอบบาง เช่น หัวใจ​และ​ปอด ทำ​ให้​ผม​กลัว​ที่​สุด. ผม​จะ​มี​ชีวิต​รอด​ออก​มา​ไหม? แน่นอน ความ​คิด​ใน​แง่​ลบ​แบบ​นี้​ไม่​ได้​ช่วย​ให้​ผม​กลัว​น้อย​ลง​เลย.

ใน​วัน​ที่ 25 พฤศจิกายน 1998 ผม​เข้า​รับ​การ​ผ่าตัด​ที่​ประสบ​ความ​สำเร็จ​เป็น​เวลา​สี่​ชั่วโมง​ที่​โรง​พยาบาล​ไนโรบี. การ​ผ่าตัด​ครั้ง​นั้น​ยัง​รวม​ไป​ถึง​การ​ผ่า​เอา​ชิ้น​ส่วน​กระดูก​เชิงกราน​ของ​ผม​ออก​มา​ชิ้น​หนึ่ง​ด้วย. มี​การ​ตัด​แต่ง​กระดูก​ชิ้น​นั้น​แล้ว​ใส่​เข้า​ไป​ใน​จุด​ที่​ได้​รับ​การ​กระทบ​กระเทือน​พร้อม​กับ​แผ่น​โลหะ​และ​สกรู. การ​ทำ​อย่าง​นี้​ช่วย​ได้. แต่​ก็​ไม่​ได้​ทำ​ให้​ปัญหา​หมด​ไป. ผม​เดิน​ได้​ลำบาก​มาก. และ​อาการ​ชา​ยัง​ไม่​หาย​สนิท.

เจตคติ​แง่​บวก

ดัง​ที่​กล่าว​ข้าง​ต้น ผม​หมกมุ่น​อยู่​กับ​ความ​กลัว​และ​ความ​คิด​ใน​แง่​ลบ​เกี่ยว​กับ​สภาพ​ที่​น่า​สมเพช​ของ​ผม​อยู่​เป็น​เวลา​นาน​มาก. แต่​แปลก​ที่​แพทย์​และ​พยาบาล​หลาย​คน​มัก​จะ​ชมเชย​ผม​เนื่อง​จาก​ท่าที​ที่​สงบ​และ​การ​มอง​ใน​แง่​ดี. ทำไม​พวก​เขา​คิด​อย่าง​นั้น? พวก​เขา​เห็น​ว่า​แม้​ผม​จะ​เจ็บ​ปวด​มาก แต่​ผม​ก็​ยัง​พูด​ให้​พวก​เขา​ฟัง​เกี่ยว​กับ​ความ​เชื่อ​เรื่อง​พระเจ้า.

แม้​บาง​ครั้ง​ผม​โมโห​และ​รู้สึก​ขมขื่น​กับ​สิ่ง​ที่​ได้​ประสบ แต่​ผม​ก็​ยัง​คง​หมาย​พึ่ง​พระ​ยะโฮวา. พระองค์​ทรง​ค้ำจุน​ผม​เสมอ​ใน​ทุก ๆ สิ่ง​ที่​ผม​ประสบ มาก​จน​บาง​ครั้ง​ผม​รู้สึก​ละอายใจ. ผม​ตั้งใจ​แน่วแน่​ที่​จะ​อ่าน​และ​คิด​ใคร่ครวญ​ถึง​ข้อ​คัมภีร์​ที่​ผม​รู้​ว่า​จะ​ช่วย​ปลอบโยน​ใน​สถานการณ์​แบบ​นี้. ต่อ​ไป​นี้​คือ​ข้อ​คัมภีร์​บาง​ข้อ:

วิวรณ์ 21:4 “พระเจ้า​จะ​ทรง​เช็ด​น้ำตา​ทุก ๆ หยด​จาก​ตา​ของ​เขา ความ​ตาย​จะ​ไม่​มี​ต่อ​ไป การ​คร่ำ​ครวญ​และ​ร้องไห้​และ​การ​เจ็บ​ปวด​อย่าง​หนึ่ง​อย่าง​ใด​จะ​ไม่​มี​อีก​เลย.” การ​ใคร่ครวญ​เกี่ยว​กับ​คำ​สัญญา​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​เรื่อง​โลก​ใหม่​ที่​ซึ่ง​น้ำตา​และ​ความ​เจ็บ​ปวด​จะ​หมด​สิ้น​ไป​ตลอด​กาล เป็น​การ​ปลอบโยน​มาก​จริง ๆ.

เฮ็บราย 6:10 “พระเจ้า​ไม่​ใช่​อธรรม​ที่​จะ​ทรง​ลืม​การ​งาน​ของ​ท่าน​และ​ความ​รัก​ที่​ท่าน​ได้​สำแดง​ต่อ​พระ​นาม​ของ​พระองค์.” แม้​ว่า​ผม​มี​ข้อ​จำกัด​ทาง​ร่าง​กาย แต่​ผม​ก็​รู้​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ทรง​เห็น​ค่า​ความ​พยายาม​ของ​ผม​ใน​งาน​รับใช้​พระองค์.

ยาโกโบ 1:13 (ล.ม.) “เมื่อ​ถูก​ทดลอง อย่า​ให้​ผู้​ใด​ว่า ‘พระเจ้า​ทดลอง​ข้าพเจ้า.’ เพราะ​พระเจ้า​จะ​ถูก​ทดลอง​ด้วย​สิ่ง​ที่​ชั่ว​ไม่​ได้ หรือ​พระองค์​เอง​ก็​ไม่​ทดลอง​ผู้​ใด​เลย.” จริง​ที​เดียว! แม้​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ยอม​ให้​ผม​ทน​ทุกข์ แต่​พระองค์​ไม่​ได้​เป็น​ต้น​เหตุ​ของ​ความ​ทุกข์​นั้น​อย่าง​แน่นอน.

ฟิลิปปอย 4:6, 7 “อย่า​กระวนกระวาย​ด้วย​สิ่ง​ใด​เลย, แต่​จง​เสนอ​ความ​ปรารถนา​ของ​ท่าน​ทุก​อย่าง​ต่อ​พระเจ้า​โดย​การ​อธิษฐาน​กับ​การ​ขอบพระคุณ. และ​สันติ​สุข​แห่ง​พระเจ้า, ซึ่ง​เหลือ​ที่​จะ​เข้าใจ​ได้, จะ​คุ้มครอง​ใจ​และ​ความ​คิด​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ไว้​ใน​พระ​เยซู​คริสต์.” การ​อธิษฐาน​ช่วย​ผม​ให้​มี​สันติ​สุข​ใน​ใจ​อย่าง​มาก และ​ช่วย​ให้​รับมือ​กับ​สภาพการณ์​ของ​ผม​ได้​อย่าง​มี​สติ​มาก​ขึ้น.

ผม​เคย​ใช้​ข้อ​คัมภีร์​เหล่า​นี้​หนุน​กำลัง​คน​อื่น​ที่​ตรม​ทุกข์ และ​ข้อ​เหล่า​นี้​ก็​ช่วย​เขา​เหล่า​นั้น​ได้​จริง ๆ! แต่​ผม​ได้​มา​ตระหนัก​ว่า ใน​ตอน​นั้น​ผม​ไม่​ได้​เข้าใจ​คุณค่า​ของ​ข้อ​เหล่า​นี้​อย่าง​แท้​จริง. ผม​ต้อง​ป่วย​ถึง​ขนาด​นี้​เพื่อ​จะ​รู้​ซึ้ง​ถึง​ความ​ถ่อม​และ​เรียน​รู้​ที่​จะ​หวัง​พึ่ง​ใน​พระ​ยะโฮวา​อย่าง​เต็ม​ที่.

ผู้​อื่น​ที่​ช่วย​หนุน​กำลัง

หลาย​คน​พูด​ถึง​ภราดรภาพ​แบบ​คริสเตียน​ว่า​เป็น​เครื่อง​ค้ำจุน​ใน​ยาม​ยาก​ลำบาก. แต่​กระนั้น​ก็​ง่าย​เพียง​ใด​ที่​จะ​มอง​ข้าม​พี่​น้อง​คริสเตียน! จริง​อยู่ พวก​เขา​อาจ​ช่วย​ได้​ไม่​มาก​นัก แต่​พวก​เขา​ก็​พร้อม​จะ​ช่วย​เรา​เสมอ. ใน​กรณี​ของ​ผม​ก็​เป็น​อย่าง​นั้น​ด้วย. ไม่​ใช่​เรื่อง​แปลก​ที่​จะ​เห็น​พวก​เขา​นั่ง​อยู่​ข้าง​เตียง​ผม​ใน​โรง​พยาบาล บาง​ครั้ง​ตั้ง​แต่​เช้า​ตรู่. พวก​เขา​ถึง​กับ​เสนอ​จะ​ช่วย​ออก​ค่า​รักษา​พยาบาล​ให้​ผม. ผม​หยั่ง​รู้​ค่า​ทุก​คน​ที่​รู้สึก​สงสาร​ผม​เนื่อง​จาก​สภาพ​ที่​น่า​สมเพช​นั้น​และ​ยื่น​มือ​เข้า​ช่วยเหลือ.

ใน​ประชาคม​ท้องถิ่น​ของ​เรา เหล่า​พยาน​ฯ รู้​ว่า​ตอน​นี้​ผม​ทำ​อะไร​ได้​ไม่​มาก​นัก. ปัจจุบัน​ผม​ทำ​หน้า​ที่​เป็น​ผู้​ดู​แล​ผู้​เป็น​ประธาน​และ​ทำ​งาน​ร่วม​กับ​คณะ​ผู้​ปกครอง​ที่​ให้​การ​เกื้อ​หนุน​อย่าง​มาก. ผม​ไม่​เคย​เป็น​ผู้​ประกาศ​ที่​ไม่​สม่ำเสมอ. ใน​ช่วง​ที่​ผม​ป่วย​หนัก​ที่​สุด ผม​ได้​ช่วย​สอง​คน​ให้​ถึง​ขั้น​อุทิศ​ตัว​แด่​พระ​ยะโฮวา. ปัจจุบัน คน​หนึ่ง​ทำ​หน้า​ที่​เป็น​ผู้​ช่วย​งาน​รับใช้​ใน​ประชาคม​หนึ่ง​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​กรุง​ไนโรบี.

ผม​ยัง​ไม่​สามารถ​หา​ถ้อย​คำ​ใด ๆ มา​ขอบคุณ​ภรรยา​ของ​ผม​ได้ ผู้​ซึ่ง​ช่วย​ค้ำจุน​ผม​ตลอด​ช่วง​แห่ง​ความ​ทุกข์​นี้. เธอ​อด​ทน​กับ​ความ​โกรธ, อารมณ์​ที่​แปรปรวน, ความ​ไม่​มี​เหตุ​ผล, และ​ความ​ข้องขัดใจ​ของ​ผม. เมื่อ​ใด​ก็​ตาม​ที่​ผม​ร้องไห้​และ​เจ็บ​ปวด เธอ​ก็​จะ​ปลอบโยน​และ​ทำ​ให้​ผม​รู้สึก​อุ่น​ใจ. ความ​เข้มแข็ง​และ​ความ​สามารถ​ใน​การ​ปรับ​ตัว​ของ​เธอ​เมื่อ​เผชิญ​ความ​ทุกข์​ลำบาก​ทำ​ให้​ผม​ประหลาด​ใจ​เสมอ. เธอ​ได้​พิสูจน์​ตัว​ว่า​เป็น “มิตร​แท้ . . . อยู่​ทุก​เวลา.”—สุภาษิต 17:17, ล.ม.

ลูก​สาว​ของ​เรา​ได้​เรียน​รู้​ที่​จะ​รับมือ​กับ​สภาพการณ์​ของ​ผม. ลูก​ทั้ง​สอง​คน​ทำ​สิ่ง​ที่​ทำ​ได้​เพื่อ​ช่วย​ผม. ลูก ๆ เข้าใจ​ว่า​ผม​ต้องการ​อะไร​และ​รีบ​มา​ช่วย​ผม ทำ​ให้​ผม​สบาย​ใจ​เมื่อ​แม่​ของ​พวก​เขา​ไม่​อยู่​บ้าน. ซิลเวีย​ทำ​หน้า​ที่​เป็น “ไม้เท้า” สำหรับ​ผม โดย​ช่วย​พยุง​ผม​เดิน​ไป​มา​ใน​บ้าน​ตอน​ที่​ผม​รู้สึก​อ่อน​เพลีย.

แล้ว​มีนา​ลูก​สาว​คน​เล็ก​ของ​เรา​ล่ะ? ผม​จำ​ได้​ว่า​ครั้ง​หนึ่ง​ผม​ล้ม​ใน​บ้าน​และ​ลุก​ไม่​ได้. มี​เธอ​อยู่​คน​เดียว​ใน​บ้าน. เมื่อ​รวบ​รวม​กำลัง​ทั้ง​หมด​ที่​มี เธอ​ก็​พยุง​ผม​ขึ้น​และ​ค่อย ๆ พา​ผม​ไป​ถึง​ห้อง​นอน. ตัว​เธอ​เอง​ยัง​ไม่​รู้​ว่า​เธอ​ทำ​ได้​อย่าง​ไร. การ​กระทำ​ด้วย​ความ​กล้า​ครั้ง​นั้น​ยัง​ตราตรึง​อยู่​ใน​ความ​ทรง​จำ​ของ​ผม.

การ​รับมือ​กับ​การ​บาดเจ็บ​ครั้ง​นี้​เป็น​การ​ต่อ​สู้​ที่​ยาก​ที่​สุด​เท่า​ที่​ผม​เคย​สู้​มา​ใน​ชีวิต. นี่​เป็น​การ​ต่อ​สู้​ที่​ผม​ยัง​ต้อง​สู้​ต่อ​ไป. ไม่​มี​สิ่ง​ใด​ท้าทาย​ชีวิต​และ​ความ​เชื่อ​ของ​ผม​มาก​เท่า​นี้​มา​ก่อน. ผม​ได้​เรียน​รู้​มาก​มาย​เกี่ยว​กับ​ความ​ถ่อม, ความ​มี​เหตุ​ผล, และ​ความ​เห็น​อก​เห็น​ใจ. การ​วางใจ​และ​เชื่อ​มั่น​อย่าง​เต็ม​ที่​ใน​พระ​ยะโฮวา​ทำ​ให้​ผม​อด​ทน​กับ​ปัญหา​นี้​ได้.

ผม​ได้​เรียน​รู้​ความ​จริง​แห่ง​ถ้อย​คำ​ของ​อัครสาวก​เปาโล​ที่​ว่า “เรา​มี​ทรัพย์​นั้น​ใน​ภาชนะ​ดิน เพื่อ​กำลัง​ที่​มาก​กว่า​ปกติ​จะ​มา​จาก​พระเจ้า​และ​มิ​ใช่​มา​จาก​ตัว​เรา​เอง.” (2 โกรินโธ 4:7, ล.ม.) ผม​พบ​การ​ปลอบโยน​อย่าง​มาก​ใน​คำ​สัญญา​ของ​พระเจ้า​เรื่อง “ฟ้า​สวรรค์​ใหม่​และ​แผ่นดิน​โลก​ใหม่” ที่​จะ​มี​มา. (2 เปโตร 3:13, ล.ม.) ผม​อธิษฐาน​ขอ​ให้​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ค้ำจุน​ผม​ต่อ​ไป​ขณะ​ที่​กำลัง​คอย​ท่า​โลก​ใหม่ เพราะ​ผม​ยัง​ไม่​ค่อย​แข็งแรง​และ​ไม่​สามารถ​ทำ​อะไร​ได้​มาก​นัก​ด้วย​กำลัง​ของ​ผม​เอง.

[ภาพ​หน้า 20]

การ​ทำ​กิจกรรม​ของ​คริสเตียน​ร่วม​กับ​ครอบครัว​ช่วย​ผม​ให้​อด​ทน