กิจการของอัครสาวก 15:1-41
เชิงอรรถ
ข้อมูลสำหรับศึกษา
ผู้นำ: แปลตรงตัวว่า “คนสูงอายุ” คำกรีก เพร็สบูเทะรอส ที่ใช้ในคัมภีร์ไบเบิลมักจะหมายถึงคนที่มีตำแหน่งและหน้าที่รับผิดชอบในชุมชนหรือในชาติ ถึงแม้คำนี้บางครั้งหมายถึงคนที่อายุมากกว่าหรือคนสูงอายุ (เช่นที่ ลก 15:25; กจ 2:17) แต่ก็มีความหมายในแง่อื่นด้วย ในข้อนี้คำว่า “ผู้นำ” หมายถึงพวกผู้นำชาวยิวซึ่งคัมภีร์ไบเบิลมักพูดถึงพวกเขาพร้อมกับพวกปุโรหิตใหญ่และครูสอนศาสนา สมาชิกศาลแซนเฮดรินก็ประกอบด้วยคนจาก 3 กลุ่มนี้—มธ 21:23; 26:3, 47, 57; 27:1, 41; 28:12; ดูส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “ผู้นำ”
ผู้ดูแล: แปลตรงตัวว่า “พวกผู้ชายสูงอายุ” คำกรีก เพร็สบูเทะรอส ที่ใช้ในคัมภีร์ไบเบิลมักจะหมายถึงคนที่มีตำแหน่งและหน้าที่รับผิดชอบในชุมชนหรือในชาติ ถึงแม้คำนี้บางครั้งหมายถึงคนที่อายุมากกว่าหรือคนสูงอายุ (ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 16:21) ในชาติอิสราเอลสมัยโบราณ พวกผู้ดูแลจะทำหน้าที่เป็นผู้นำและผู้บริหารงานทั้งในระดับชุมชน (ฉธบ 25:7-9; ยชว 20:4; นรธ 4:1-12) และในระดับชาติ (วนฉ 21:16; 1ซม 4:3; 8:4; 1พก 20:7) นี่เป็นครั้งแรกที่ใช้คำนี้กับประชาคมคริสเตียน พวกผู้ดูแลในชาติอิราเอลของพระเจ้าจะทำหน้าที่เหมือนผู้ดูแลในชาติอิสราเอลสมัยโบราณ พวกเขาจะคอยชี้นำประชาคม ในท้องเรื่องนี้พวกผู้ดูแลเป็นคนได้รับของบริจาค และพวกเขาดูแลการแจกจ่ายของบริจาคเหล่านั้นให้กับประชาคมต่าง ๆ ในแคว้นยูเดีย
คุยกันอย่างเคร่งเครียด: หรือ “โต้เถียง” คำกรีกที่ใช้ในข้อนี้เกี่ยวข้องกับคำกริยาที่มีความหมายว่า “ค้นหา” (เศเทะโอ) และยังแปลได้ด้วยว่า “การค้นหา, การถาม” (ฉบับคิงดอม อินเตอร์ลิเนียร์) นี่แสดงให้เห็นว่าพวกอัครสาวกและผู้ดูแลได้ค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง พวกเขาตั้งคำถาม วิเคราะห์เรื่องนี้อย่างละเอียด และแน่นอนว่าพวกเขาแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาและเปิดเผย
ผู้ดูแล: แปลตรงตัวว่า “ผู้ชายสูงอายุ” คำกรีก เพร็สบูเทะรอส ในข้อนี้หมายถึงคนที่มีตำแหน่งและหน้าที่รับผิดชอบในประชาคมคริสเตียนในยุคแรก พระคัมภีร์บอกว่าเปาโลกับบาร์นาบัสและพี่น้องชายคนอื่น ๆ จากเมืองอันทิโอกในแคว้นซีเรียไปหาพวกอัครสาวกและผู้ดูแลในกรุงเยรูซาเล็มเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับประเด็นเรื่องการเข้าสุหนัต เหมือนกับชาติอิสราเอลสมัยโบราณมีผู้ดูแลบางคนที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำและผู้บริหารงานระดับชาติ ในศตวรรษแรกก็มีพวกอัครสาวกและผู้ดูแลในกรุงเยรูซาเล็มทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการปกครองดูแลประชาคมคริสเตียนทุกแห่ง นี่แสดงให้เห็นว่าพี่น้องที่ทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการปกครองมีเพิ่มมากขึ้นจากที่ก่อนหน้านี้มีเพียงอัครสาวก 12 คน—กจ 1:21, 22, 26; ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 16:21; กจ 11:30
เรื่อง: หรือ “การโต้เถียง” คำกรีก เศเทมา มักหมายถึงข้อสงสัยหรือประเด็นที่กำลังโต้เถียงกัน คำนี้เกี่ยวข้องกับคำกรีกที่มีความหมายว่า “ค้นหา” (เศเทะโอ)—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ กจ 15:7
กลับใจ: คำกรีกที่ใช้ในข้อนี้อาจแปลตรงตัวว่า “เปลี่ยนจิตใจ” ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนความคิด ทัศนคติ หรือความตั้งใจ คำว่า “กลับใจ” ในท้องเรื่องนี้หมายถึงการที่คนเราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อทำให้พระเจ้าพอใจและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 3:8, 11 และส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “กลับใจ”
ทำให้เห็นสิว่าคุณกลับใจ: หรือ “แสดงผลที่สมกับการกลับใจ” หมายถึงคนที่ฟังยอห์นต้องแสดงหลักฐานหรือทำให้เห็นว่าเขาเปลี่ยนความคิดหรือเปลี่ยนทัศนคติแล้วจริง ๆ—ลก 3:8; กจ 26:20; ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 3:2, 11 และส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “กลับใจ”
กลับใจและเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่: คำกรีก เมะทานอเอะโอ ที่ใช้ในข้อนี้อาจแปลตรงตัวว่า “เปลี่ยนจิตใจ” ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนความคิด ทัศนคติ หรือความตั้งใจ ในท้องเรื่องนี้ การกลับใจเกี่ยวข้องกับการที่คนหนึ่งอยากจะฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่เขามีกับพระเจ้า คนทำผิดที่กลับใจจริง ๆ จะรู้สึกเสียใจมากกับสิ่งที่เขาทำและตั้งใจที่จะไม่กลับไปทำสิ่งนั้นอีก (2คร 7:10, 11; ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 3:2, 8) ยิ่งกว่านั้น การกลับใจแท้จะกระตุ้นคนที่ทำผิดให้ “เปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่” ซึ่งก็คือทิ้งแนวทางชีวิตเดิมและใช้ชีวิตในแบบที่พระเจ้าพอใจ ทั้งคำกริยาฮีบรูและกรีกที่แปลว่า “เปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่” (คำฮีบรู ชัฟ; คำกรีก สะทะเระโฟ; เอะพิสะทะเระโฟ) มีความหมายตรงตัวว่า “กลับมา, หันกลับ” (ปฐก 18:10; 50:14) แต่เมื่อใช้คำนี้ในความหมายเป็นนัยก็อาจหมายถึงการเลิกใช้ชีวิตผิด ๆ และหันกลับไปหาพระเจ้า—1พก 8:33; อสค 33:11; ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ กจ 15:3; 26:20
กลับใจ: คำกรีกที่ใช้ในข้อนี้อาจแปลตรงตัวว่า “เปลี่ยนจิตใจ” ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนความคิด ทัศนคติ หรือความตั้งใจ ในท้องเรื่องนี้ คำว่า “กลับใจ” เกี่ยวข้องกับคำว่าและหันมาหาพระเจ้า ดังนั้น การกลับใจจึงเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ที่คนเรามีกับพระเจ้า เพื่อที่คนเราจะกลับใจอย่างแท้จริง พวกเขาต้องทำสิ่งที่แสดงว่าพวกเขากลับใจจริง ๆ ซึ่งหมายความว่าสิ่งที่เขาทำต้องให้หลักฐานว่าเขาเปลี่ยนความคิดจิตใจและทัศนคติจริง ๆ—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 3:2, 8; ลก 3:8 และส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “กลับใจ”
เปลี่ยนมาเชื่อพระเจ้า: คำกรีก เอะพิสะทะรอเฟ ที่ใช้ในข้อนี้มาจากคำกริยาที่มีความหมายว่า “กลับมา, หันกลับ” (ยน 12:40; 21:20; กจ 15:36) เมื่อใช้ในแง่ของความเชื่อ คำนี้อาจเกี่ยวข้องกับการกลับมาหาพระเจ้าเที่ยงแท้ และทิ้งรูปเคารพกับพระเท็จ (มีการใช้คำกริยานี้ด้วยที่ กจ 3:19; 14:15; 15:19; 26:18, 20; 2คร 3:16) และที่ 1ธส 1:9 ก็ใช้คำกริยานี้ในสำนวนที่บอกว่า “พวกคุณทิ้ง รูปเคารพแล้วมาหา พระเจ้า” ต้องมีการกลับใจก่อนถึงจะเปลี่ยนมาเชื่อพระเจ้าได้—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 3:2, 8; กจ 3:19; 26:20
คุยกันอย่างเคร่งเครียด: หรือ “โต้เถียง” คำกรีกที่ใช้ในข้อนี้เกี่ยวข้องกับคำกริยาที่มีความหมายว่า “ค้นหา” (เศเทะโอ) และยังแปลได้ด้วยว่า “การค้นหา, การถาม” (ฉบับคิงดอม อินเตอร์ลิเนียร์) นี่แสดงให้เห็นว่าพวกอัครสาวกและผู้ดูแลได้ค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง พวกเขาตั้งคำถาม วิเคราะห์เรื่องนี้อย่างละเอียด และแน่นอนว่าพวกเขาแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาและเปิดเผย
สิ่งมหัศจรรย์: หรือ “หมายสำคัญ” มาจากคำกรีก เทะราส ในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกมักใช้คำนี้คู่กับคำ เซเม่ออน ที่หมายถึง “ปาฏิหาริย์” ในหลายท้องเรื่อง (มธ 24:24; ยน 4:48; กจ 7:36; 14:3; 15:12; 2คร 12:12) หลัก ๆ แล้วคำว่า เทะราส หมายถึงสิ่งที่ทำให้คนเรารู้สึกทึ่งหรืออัศจรรย์ใจ เมื่อมีการใช้คำนี้ในท้องเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบอกอนาคตก็จะมีการใส่คำว่า “หมายสำคัญ” ไว้ในข้อมูลสำหรับศึกษาด้วย
การอัศจรรย์: หรือ “หมายสำคัญ”—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ กจ 2:19
ยากอบ: น่าจะหมายถึงยากอบที่เป็นน้องชายต่างพ่อของพระเยซู และเป็นยากอบที่พูดถึงใน กจ 12:17 (ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 13:55; กจ 12:17) ดูเหมือนตอนที่ “พวกอัครสาวกและผู้ดูแลที่กรุงเยรูซาเล็ม” คุยกันเกี่ยวกับประเด็นเรื่องการเข้าสุหนัต ยากอบเป็นประธานการประชุม (กจ 15:1, 2) และตอนที่เปาโลบอกว่ายากอบ เคฟาส (เปโตร) และยอห์น “เป็นเสาหลักของประชาคม” ในกรุงเยรูซาเล็ม เขาก็คงจะนึกถึงการประชุมครั้งนั้น—กท 2:1-9
ยากอบ: น้องชายต่างพ่อของพระเยซูซึ่งดูเหมือนเป็นคนเดียวกับยากอบที่พูดถึงใน กจ 12:17 (ดูข้อมูลสำหรับศึกษา) และ กท 1:19 เขาเป็นผู้เขียนหนังสือยากอบในคัมภีร์ไบเบิลด้วย—ยก 1:1
ยากอบ: น่าจะหมายถึงยากอบที่เป็นน้องชายต่างพ่อของพระเยซู เขาอาจเป็นน้องชายคนถัดจากพระเยซู เพราะมีการพูดถึงเขาเป็นชื่อแรกในจำนวนลูกชาย 4 คนของโยเซฟและมารีย์คือ ยากอบ โยเซฟ ซีโมน และยูดาส (มธ 13:55; มก 6:3; ยน 7:5) ยากอบอยู่ในเหตุการณ์ในวันเพ็นเทคอสต์ปี ค.ศ. 33 ซึ่งตอนนั้นมีชาวยิวหลายพันคนมาจากหลายประเทศ พวกเขาตอบรับข่าวดีและรับบัพติศมา (กจ 1:14; 2:1, 41) ในข้อคัมภีร์นี้ เปโตรบอกให้สาวก ‘ไปบอกเรื่องนี้กับยากอบ’ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตอนนั้นยากอบนำหน้าในประชาคมเยรูซาเล็ม ดูเหมือนว่าเขาเป็นคนเดียวกับยากอบที่พูดถึงใน กจ 15:13; 21:18; 1คร 15:7; กท 1:19 (ที่นั่นเรียกเขาว่า “น้องชายของผู้เป็นนาย”) 2:9, 12 และเป็นคนเดียวกับที่เขียนหนังสือยากอบในคัมภีร์ไบเบิล—ยก 1:1; ยด 1
ซีโมนหรือที่เรียกกันว่าเปโตร: พระคัมภีร์เรียกเปโตรด้วยชื่อที่ต่างกัน 5 ชื่อ คือ (1) “ซีเมโอน” ซึ่งเป็นชื่อกรีกที่ทับศัพท์มาจากชื่อฮีบรู (สิเมโอน) (2) “ซีโมน” ซึ่งเป็นภาษากรีก (ทั้งซีเมโอนและซีโมนมาจากคำกริยาฮีบรูที่แปลว่า “ได้ยิน, ฟัง”) (3) “เปโตร” (ชื่อกรีกที่แปลว่า “หินก้อนหนึ่ง” และเขาเป็นคนเดียวในพระคัมภีร์ที่ใช้ชื่อนี้) (4) “เคฟาส” ชื่อภาษาเซมิติกที่มีความหมายตรงกับชื่อเปโตร (อาจเกี่ยวข้องกับคำฮีบรู เคฟิม [หิน] ที่ใช้ใน โยบ 30:6; ยรม 4:29) และ (5) “ซีโมนเปโตร” ซึ่งเป็นการรวม 2 ชื่อเข้าด้วยกัน—กจ 15:14; ยน 1:42; มธ 16:16
ซีเมโอน: คือซีโมนเปโตร ซีเมโอน เป็นชื่อกรีกที่ทับศัพท์มาจากชื่อฮีบรู (สิเมโอน) การใช้ชื่อที่ทับศัพท์มาจากภาษาฮีบรูแสดงให้เห็นว่าภาษาที่ใช้กันในการประชุมนั้นอาจเป็นภาษาฮีบรู ในคัมภีร์ไบเบิลมีการใช้ชื่อนี้เพื่อเรียกอัครสาวกเปโตรแค่คนเดียวเท่านั้น—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 10:2
ประชาชนกลุ่มหนึ่งที่ใช้ชื่อของพระองค์: สำนวนนี้อาจทำให้นึกถึงข้อความในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูหลายข้อที่บอกว่าพระยะโฮวาได้เลือกประชาชนกลุ่มหนึ่งให้เป็นชนชาติพิเศษของพระองค์ (อพย 19:5; ฉธบ 7:6; 14:2; 26:18, 19) ประชาชนกลุ่มนี้ใช้ชื่อของพระยะโฮวา และถูกเรียกว่า “อิสราเอลของพระเจ้า” ซึ่งตอนนี้รวมผู้เชื่อถือที่ไม่ใช่ชาวยิวด้วย (กท 6:16; รม 11:25, 26ก; วว 14:1) เนื่องจากพวกเขาเป็นตัวแทนของพระเจ้า พวกเขาจึงต้องสรรเสริญพระองค์และประกาศชื่อของพระองค์ (1ปต 2:9, 10) เหมือนกับชาติอิสราเอลในอดีต พระยะโฮวาพูดถึงประชาชนของพระองค์ในตอนนี้ว่า “ประชาชนเหล่านั้นจะสรรเสริญเรา เพราะเราเป็นผู้สร้างพวกเขาขึ้นมา” (อสย 43:21) คริสเตียนในยุคแรกเหล่านี้ได้ประกาศอย่างกล้าหาญว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว พวกเขาเปิดโปงว่าพระทั้งหมดที่ผู้คนนมัสการในตอนนั้นเป็นพระเท็จ—1ธส 1:9
ในกฎหมายของโมเสส ในหนังสือของพวกผู้พยากรณ์ และในหนังสือสดุดี: ดูเหมือนในข้อนี้พระเยซูจัดกลุ่มพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูที่ได้รับการดลใจในแบบที่ชาวยิวใช้และคุ้นเคย คำว่า “กฎหมายของโมเสส” (ภาษาฮีบรู โทห์ราห์) หมายถึงหนังสือปฐมกาลถึงเฉลยธรรมบัญญัติ ส่วนคำว่า “หนังสือของพวกผู้พยากรณ์” (ภาษาฮีบรู เนวิม) หมายถึงหนังสือต่าง ๆ ในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูที่บันทึกคำพยากรณ์ซึ่งรวมถึงหนังสือของพวกผู้พยากรณ์ยุคแรก (ตั้งแต่โยชูวาถึงพงศ์กษัตริย์) และคำว่า “หนังสือสดุดี” หมายถึงส่วนที่ 3 ซึ่งรวมเอาหนังสือที่เหลือในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูทั้งหมด ส่วนนี้บางครั้งเรียกว่า “งานเขียน” หรือในภาษาฮีบรูคือ เคทูวิม เหตุผลที่เรียกส่วนนี้ว่า “หนังสือสดุดี” เพราะหนังสือนี้เป็นเล่มแรกของส่วนที่ 3 ชาวยิวเรียกพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูว่า “ทานักห์” ซึ่งมาจากการเอาตัวอักษรแรกของ 3 ส่วนนี้มารวมกัน การที่พระเยซูจัดกลุ่มแบบนี้แสดงให้เห็นว่าตอนที่ท่านอยู่บนโลกมีการกำหนดสารบบของพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูแล้ว และท่านก็เห็นด้วยกับการจัดสารบบแบบนี้
หนังสือของพวกผู้พยากรณ์: คำพูดของซีเมโอนหรือซีโมนเปโตร (กจ 15:7-11) และหลักฐานที่เปาโลกับบาร์นาบัสให้ (กจ 15:12) อาจทำให้ยากอบคิดถึงข้อคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องซึ่งช่วยให้เข้าใจเรื่องที่กำลังคุยกันมากขึ้น (ยน 14:26) หลังจากที่ยากอบบอกว่า “เรื่องนี้ตรงกับที่เขียนไว้ในหนังสือของพวกผู้พยากรณ์” เขาก็ยกข้อความจาก อมส 9:11, 12 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูที่ปกติแล้วเรียกกันว่า “หนังสือของพวกผู้พยากรณ์”—กจ 15:16-18; ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ ลก 24:44
เต็นท์ของดาวิด: หรือ “เพิง (ที่อยู่) ของดาวิด” พระยะโฮวาสัญญาว่ารัฐบาลของดาวิด “จะมั่นคงตลอดไป” (2ซม 7:12-16) “เต็นท์ของดาวิด” หรือราชวงศ์ของเขาล่มสลายตอนที่กษัตริย์เศเดคียาห์ถูกถอดออกจากตำแหน่ง (อสค 21:27) ตั้งแต่ตอนนั้น ไม่มีกษัตริย์องค์ไหนในเชื้อวงศ์ของดาวิดได้นั่งอยู่บน “บัลลังก์ของพระยะโฮวา” ที่กรุงเยรูซาเล็ม (1พศ 29:23) แต่พระยะโฮวาจะสร้างเต็นท์ของดาวิดขึ้นใหม่โดยให้พระเยซูซึ่งเป็นลูกหลานของเขาเป็นกษัตริย์ตลอดไป (กจ 2:29-36) คำพูดของยากอบแสดงให้เห็นว่าคำพยากรณ์ที่อาโมสบอกไว้เกี่ยวกับการสร้างเต็นท์ขึ้นใหม่ (การตั้งคนจากเชื้อสายของดาวิดให้เป็นกษัตริย์อีกครั้ง) จะเกี่ยวข้องกับการรวบรวมคนที่เป็นสาวกของพระเยซู (ทายาทของรัฐบาลพระเจ้า) ทั้งคนที่เป็นชาวยิวและคนต่างชาติ—อมส 9:11, 12
เพื่อคนที่เหลืออยู่จะเสาะหาเรายะโฮวาอย่างจริงจัง: เหมือนที่บอกไว้ในข้อมูลสำหรับศึกษาที่ กจ 15:15 ยากอบยกข้อความนี้มาจาก อมส 9:11, 12 แต่ดูเหมือนข้อความในข้อนี้ต่างจากข้อความในสำเนาพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน เชื่อกันว่าความแตกต่างนี้เป็นเพราะยากอบได้ยกข้อความจากฉบับเซปตัวจินต์ ซึ่งเป็นฉบับแปลพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูเป็นภาษากรีก แต่ตอนที่ยากอบพูดถึงเปโตร เขาใช้ชื่อซีเมโอนซึ่งเป็นชื่อกรีกที่ทับศัพท์มาจากชื่อฮีบรู (สิเมโอน) การใช้ชื่อที่ทับศัพท์มาจากภาษาฮีบรูแสดงให้เห็นว่าภาษาที่ใช้กันในการประชุมนั้นอาจเป็นภาษาฮีบรู (กจ 15:14) ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็เป็นไปได้ว่ายากอบได้ยกข้อความมาจากพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูโดยตรง แต่ลูกาบันทึกโดยยกข้อความมาจากฉบับเซปตัวจินต์ ทั้งลูกา ยากอบ และผู้เขียนพระคัมภีร์คนอื่น ๆ ก็ใช้ข้อความนี้ตอนที่พวกเขายกข้อความมาจากพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู ถึงแม้การยกข้อความจากฉบับเซปตัวจินต์อาจแตกต่างจากข้อความในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูที่มีอยู่ในทุกวันนี้ แต่พระยะโฮวาก็ยอมให้ผู้เขียนพระคัมภีร์ทำอย่างนั้น และให้ข้อความที่ยกมาเป็นส่วนหนึ่งของพระคัมภีร์ที่ได้รับการดลใจ (2ทธ 3:16) น่าสนใจที่ในฉบับเซปตัวจินต์ ข้อความจาก อมส 9:12 อ่านว่า “คนที่เหลืออยู่” แต่สำเนาพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูที่มีอยู่ตอนนี้มีข้อความที่อ่านว่า “ข้าวของของเอโดมที่เหลืออยู่” บางคนคิดว่าที่ต่างกันแบบนี้อาจเป็นเพราะในภาษาฮีบรูโบราณคำว่า “คน” ดูคล้ายกันมากกับคำว่า “เอโดม” และคำว่า “เสาะหา” ก็ดูคล้ายกันมากกับคำว่า “เป็นของ” บางคนเชื่อว่าข้อความที่ อมส 9:12 ในฉบับเซปตัวจินต์ แปลจากสำเนาพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูโบราณซึ่งต่างจากสำเนาพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่ก็ไม่มีใครรู้แน่ชัดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะอย่างไร ทั้งข้อความในฉบับเซปตัวจินต์ และข้อความภาษาฮีบรูของพวกมาโซเรตก็ถ่ายทอดแนวคิดเดียวกันคืออาโมสได้พยากรณ์ว่าคนต่างชาติจะถูกเรียกตามชื่อของพระยะโฮวา
ยะโฮวา: ยากอบบอกไว้ที่ กจ 15:14 ว่าสิเมโอนเล่าว่า “ตอนนี้พระเจ้าหันมาสนใจคนต่างชาติ” และในข้อ 19 ยากอบก็พูดถึง “คนต่างชาติที่หันมาหาพระเจ้า” แต่ในข้อนี้ยากอบยกข้อความมาจาก อมส 9:11, 12 ซึ่งในข้อความภาษาฮีบรูมีชื่อของพระเจ้าอยู่แค่ 1 ครั้งในข้อความที่บอกว่า “เรายะโฮวาผู้ทำสิ่งนี้พูดไว้อย่างนั้น” แต่ในข้อ 17 นี้มีคำกรีก คูริออส (องค์พระผู้เป็นเจ้า) 2 ครั้ง และทั้ง 2 ครั้งหมายถึงพระยะโฮวา ถ้าดูจากท้องเรื่องในข้อนี้ จากท้องเรื่องในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู รวมทั้งการใช้คำ คูริออส ในฉบับเซปตัวจินต์ และที่อื่น ๆ ในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก ก็มีเหตุผลที่ดีหลายอย่างที่จะใช้ชื่อของพระเจ้าทั้ง 2 ครั้งเพื่อแปลคำว่า คูริออส ในข้อนี้
ร่วมกับประชาชนจากทุกชาติ: คือร่วมกับคนที่ไม่ใช่ชาวยิวหรือคนต่างชาติ คนต่างชาติที่ได้เข้าสุหนัตจะไม่ถูกมองว่าเป็นคนจากชาติอื่นอีกแล้ว แต่พวกเขา “เป็นเหมือนชาวอิสราเอล” หรือชาวยิว (อพย 12:48, 49) ในสมัยของเอสเธอร์ มีคนต่างชาติหลายคน “ประกาศตัวว่าเป็นคนยิว” (อสธ 8:17) น่าสนใจที่ฉบับเซปตัวจินต์ แปล อสธ 8:17 ว่าคนต่างชาติเหล่านี้ “เข้าสุหนัตและกลายมาเป็นคนยิว” คำพยากรณ์ที่ อมส 9:11, 12 ซึ่งยกมาในข้อนี้บอกว่า “ประชาชนจากทุกชาติ” (คนต่างชาติที่ไม่เข้าสุหนัต) จะเข้ามาสมทบกับ “คนที่เหลืออยู่” ของชาติอิสราเอล (ชาวยิวและคนต่างชาติที่เข้าสุหนัต) และพวกเขาจะกลายเป็น “ประชาชนที่ถูกเรียกตามชื่อของเรา [ยะโฮวา]” จากคำพยากรณ์นี้ทำให้พวกสาวกรู้ว่าพวกคนต่างชาติที่ยังไม่เข้าสุหนัตไม่จำเป็นต้องเข้าสุหนัตเพื่อจะเป็นที่ยอมรับของพระเจ้า
ประชาชนที่ถูกเรียกตามชื่อของเรา: ในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู การที่ชาวอิสราเอลถูกเรียกตามชื่อของพระยะโฮวาแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นประชาชนของพระองค์ (ฉธบ 28:10; 2พศ 7:14; อสย 43:7; 63:19; ดนล 9:19) พระยะโฮวายังให้ชื่อของพระองค์อยู่ที่กรุงเยรูซาเล็มซึ่งเป็นที่ตั้งของวิหารด้วย นี่หมายความว่าพระองค์ยอมรับที่นั่นว่าเป็นศูนย์กลางการนมัสการพระองค์—2พก 21:4, 7
เรายะโฮวาได้พูดไว้: ข้อความนี้ยกมาจาก อมส 9:12 ซึ่งในต้นฉบับภาษาฮีบรูมีชื่อของพระเจ้าเขียนด้วยอักษรฮีบรู 4 ตัว (ตรงกับเสียงอักษรไทย ยฮวฮ)
เป็นผู้ทำสิ่งนี้, [ข้อ 18] ตามที่เราตั้งใจจะทำนานมาแล้ว: ข้อความนี้ในภาษากรีกอาจเข้าใจได้อีกอย่างหนึ่งว่า “เป็นผู้แจ้งสิ่งนี้ [ข้อ 18] ให้รู้มานานแล้ว”
หนังสือของพวกผู้พยากรณ์: คำพูดของซีเมโอนหรือซีโมนเปโตร (กจ 15:7-11) และหลักฐานที่เปาโลกับบาร์นาบัสให้ (กจ 15:12) อาจทำให้ยากอบคิดถึงข้อคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องซึ่งช่วยให้เข้าใจเรื่องที่กำลังคุยกันมากขึ้น (ยน 14:26) หลังจากที่ยากอบบอกว่า “เรื่องนี้ตรงกับที่เขียนไว้ในหนังสือของพวกผู้พยากรณ์” เขาก็ยกข้อความจาก อมส 9:11, 12 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูที่ปกติแล้วเรียกกันว่า “หนังสือของพวกผู้พยากรณ์”—กจ 15:16-18; ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ ลก 24:44
ผมเห็นว่า: หรือ “ผมสรุปว่า” แปลตรงตัวว่า “ผมตัดสินว่า” คำกรีกที่ใช้ในข้อนี้ไม่ได้แสดงว่ายากอบที่ดูเหมือนเป็นประธานการประชุมในตอนนั้นพยายามบังคับทุกคนให้คิดเหมือนกับเขา แทนที่จะเป็นอย่างนั้น ยากอบเสนอว่าควรทำอย่างไรโดยอาศัยหลักฐานที่ได้ยินและสิ่งที่พระคัมภีร์บอกไว้ พจนานุกรมฉบับหนึ่งอธิบายความหมายของคำกรีกในท้องเรื่องนี้ว่าหมายถึง “การตัดสินโดยคำนึงถึงปัจจัยหลายอย่าง” ดังนั้น คำกริยาที่ใช้ในข้อนี้จึงไม่ได้หมายถึงการตัดสินอย่างเป็นทางการ แต่หมายถึงความคิดเห็นของยากอบที่อาศัยข้อสรุปจากพระคัมภีร์
การผิดศีลธรรมทางเพศ: คำกรีก พอร์เน่อา เป็นคำกว้าง ๆ ที่หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ทุกรูปแบบที่คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าผิด ซึ่งรวมถึงการเล่นชู้ การเป็นโสเภณี การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างคนที่ยังไม่แต่งงาน การรักร่วมเพศ และการร่วมเพศกับสัตว์—ดูส่วนอธิบายศัพท์
สัตว์ที่ถูกรัดคอตาย: หรือ “สัตว์ที่ถูกฆ่าโดยไม่เอาเลือดออก” ดูเหมือนข้อห้ามนี้ยังเกี่ยวข้องกับสัตว์ที่ตายเอง หรือตายเพราะถูกสัตว์ตัวอื่นฆ่า เพราะการตายทั้ง 2 แบบนี้ไม่ได้มีการเอาเลือดออกอย่างถูกต้อง—อพย 22:31; ลนต 17:15; ฉธบ 14:21
ยืนขึ้นเพื่อจะอ่าน: ผู้เชี่ยวชาญบางคนให้ข้อสังเกตว่าข้อความนี้เป็นครั้งแรกที่คัมภีร์ไบเบิลให้รายละเอียดเกี่ยวกับการนมัสการในที่ประชุมของชาวยิว ตามคำสอนสืบปากของชาวยิวปกติแล้วการนมัสการเริ่มโดยแต่ละคนจะอธิษฐานส่วนตัวตอนที่เดินเข้าไปในที่ประชุม จากนั้นก็จะมีการท่องข้อความจาก ฉธบ 6:4-9 และ 11:13-21 แล้วก็มีการอธิษฐานด้วยกัน ต่อด้วยการอ่านออกเสียงส่วนหนึ่งของเพนทาทุกตามที่กำหนดไว้ บันทึกใน กจ 15:21 บอกไว้ว่าในศตวรรษแรกมีการอ่านแบบนี้ “ทุกวันสะบาโต” หลังจากนั้น พวกเขาจะทำเหมือนที่ข้อนี้บอกคืออ่านหนังสือของผู้พยากรณ์และพูดถึงบทเรียนต่าง ๆ ที่ได้จากการอ่าน ตามธรรมเนียมแล้วผู้อ่านจะยืนขึ้นและเขาอาจเลือกได้เองว่าจะอ่านส่วนไหนของคำพยากรณ์—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ กจ 13:15
การอ่านกฎหมายของโมเสสและหนังสือของพวกผู้พยากรณ์ให้ประชาชนฟัง: ในศตวรรษแรกจะมีการอ่านให้ประชาชนฟัง “ทุกวันสะบาโต” (กจ 15:21) ส่วนหนึ่งของการนมัสการในที่ประชุมของชาวยิวก็คือ การท่องบทสวดยืนยันความเชื่อของชาวยิวที่เรียกว่าเชมา (ฉธบ 6:4-9; 11:13-21) เชมาเป็นคำแรกของข้อคัมภีร์ที่ใช้เป็นบทสวดที่บอกว่า “ชาวอิสราเอล ฟังให้ดี [เชมา] พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าของเรา” (ฉธบ 6:4) ส่วนสำคัญที่สุดของการนมัสการก็คือการอ่านหนังสือโทราห์หรือเพนทาทุก ในที่ประชุมของชาวยิวหลายแห่งมีการจัดตารางอ่านกฎหมายทั้งหมดของโมเสสให้จบภายใน 1 ปี ส่วนที่ประชุมของชาวยิวอื่น ๆ อาจใช้เวลา 3 ปี และยังมีการอ่านและอธิบายหนังสือของผู้พยากรณ์ด้วย หลังจากมีการอ่านให้ประชาชนฟังก็จะมีการบรรยาย ในท้องเรื่องนี้ เปาโลอยู่ในที่ประชุมของชาวยิวในเมืองอันทิโอกในแคว้นปิสิเดีย หลังจากมีการอ่านพระคัมภีร์ให้ประชาชนฟังเขาก็ได้รับเชิญให้พูดให้กำลังใจประชาชน—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ ลก 4:16
ยืนขึ้นเพื่อจะอ่าน: ผู้เชี่ยวชาญบางคนให้ข้อสังเกตว่าข้อความนี้เป็นครั้งแรกที่คัมภีร์ไบเบิลให้รายละเอียดเกี่ยวกับการนมัสการในที่ประชุมของชาวยิว ตามคำสอนสืบปากของชาวยิวปกติแล้วการนมัสการเริ่มโดยแต่ละคนจะอธิษฐานส่วนตัวตอนที่เดินเข้าไปในที่ประชุม จากนั้นก็จะมีการท่องข้อความจาก ฉธบ 6:4-9 และ 11:13-21 แล้วก็มีการอธิษฐานด้วยกัน ต่อด้วยการอ่านออกเสียงส่วนหนึ่งของเพนทาทุกตามที่กำหนดไว้ บันทึกใน กจ 15:21 บอกไว้ว่าในศตวรรษแรกมีการอ่านแบบนี้ “ทุกวันสะบาโต” หลังจากนั้น พวกเขาจะทำเหมือนที่ข้อนี้บอกคืออ่านหนังสือของผู้พยากรณ์และพูดถึงบทเรียนต่าง ๆ ที่ได้จากการอ่าน ตามธรรมเนียมแล้วผู้อ่านจะยืนขึ้นและเขาอาจเลือกได้เองว่าจะอ่านส่วนไหนของคำพยากรณ์—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ กจ 13:15
การอ่านกฎหมายของโมเสสและหนังสือของพวกผู้พยากรณ์ให้ประชาชนฟัง: ในศตวรรษแรกจะมีการอ่านให้ประชาชนฟัง “ทุกวันสะบาโต” (กจ 15:21) ส่วนหนึ่งของการนมัสการในที่ประชุมของชาวยิวก็คือ การท่องบทสวดยืนยันความเชื่อของชาวยิวที่เรียกว่าเชมา (ฉธบ 6:4-9; 11:13-21) เชมาเป็นคำแรกของข้อคัมภีร์ที่ใช้เป็นบทสวดที่บอกว่า “ชาวอิสราเอล ฟังให้ดี [เชมา] พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าของเรา” (ฉธบ 6:4) ส่วนสำคัญที่สุดของการนมัสการก็คือการอ่านหนังสือโทราห์หรือเพนทาทุก ในที่ประชุมของชาวยิวหลายแห่งมีการจัดตารางอ่านกฎหมายทั้งหมดของโมเสสให้จบภายใน 1 ปี ส่วนที่ประชุมของชาวยิวอื่น ๆ อาจใช้เวลา 3 ปี และยังมีการอ่านและอธิบายหนังสือของผู้พยากรณ์ด้วย หลังจากมีการอ่านให้ประชาชนฟังก็จะมีการบรรยาย ในท้องเรื่องนี้ เปาโลอยู่ในที่ประชุมของชาวยิวในเมืองอันทิโอกในแคว้นปิสิเดีย หลังจากมีการอ่านพระคัมภีร์ให้ประชาชนฟังเขาก็ได้รับเชิญให้พูดให้กำลังใจประชาชน—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ ลก 4:16
หนังสือของโมเสส: ยากอบพูดถึงข้อเขียนของโมเสสที่ไม่ใช่แค่กฎหมายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบันทึกเกี่ยวกับวิธีที่พระเจ้าปฏิบัติกับประชาชนของพระองค์ และบันทึกที่ช่วยให้เห็นความคิดของพระองค์ก่อนที่จะมีกฎหมายของโมเสส ตัวอย่างเช่น หนังสือปฐมกาลช่วยให้รู้ว่าพระเจ้าคิดอย่างไรกับการกินเลือด การเล่นชู้ และการไหว้รูปเคารพ (ปฐก 9:3, 4; 20:2-9; 35:2, 4) ดังนั้น พระยะโฮวาเปิดเผยหลักการต่าง ๆ ที่มนุษย์ทุกคนต้องทำตามไม่ว่าพวกเขาจะเป็นชาวยิวหรือคนต่างชาติ คำตัดสินที่บันทึกใน กจ 15:19, 20 จะไม่ทำให้คริสเตียนชาวต่างชาติรู้สึก “ยุ่งยากลำบากใจ” เพราะไม่ได้มีข้อเรียกร้องหลายอย่างเหมือนกับกฎหมายของโมเสส และคำตัดสินนี้ยังให้เกียรติกับคริสเตียนชาวยิวที่ยังยึดติดกับคำสั่งต่าง ๆ ที่มีอยู่ในหนังสือของโมเสส . . . และมีการอ่านให้ฟังในที่ประชุมของชาวยิวทุกวันสะบาโตมานานหลายร้อยปี (ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ ลก 4:16; กจ 13:15) คำแนะนำนี้น่าจะช่วยให้คริสเตียนชาวยิวและคนต่างชาติเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น
อ่านให้ฟังในที่ประชุมของชาวยิวทุกวันสะบาโต: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ ลก 4:16; กจ 13:15
พวกอัครสาวกและผู้ดูแล: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ กจ 15:2
ผู้ดูแล: แปลตรงตัวว่า “ผู้ชายสูงอายุ” คำกรีก เพร็สบูเทะรอส ในข้อนี้หมายถึงคนที่มีตำแหน่งและหน้าที่รับผิดชอบในประชาคมคริสเตียนในยุคแรก พระคัมภีร์บอกว่าเปาโลกับบาร์นาบัสและพี่น้องชายคนอื่น ๆ จากเมืองอันทิโอกในแคว้นซีเรียไปหาพวกอัครสาวกและผู้ดูแลในกรุงเยรูซาเล็มเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับประเด็นเรื่องการเข้าสุหนัต เหมือนกับชาติอิสราเอลสมัยโบราณมีผู้ดูแลบางคนที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำและผู้บริหารงานระดับชาติ ในศตวรรษแรกก็มีพวกอัครสาวกและผู้ดูแลในกรุงเยรูซาเล็มทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการปกครองดูแลประชาคมคริสเตียนทุกแห่ง นี่แสดงให้เห็นว่าพี่น้องที่ทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการปกครองมีเพิ่มมากขึ้นจากที่ก่อนหน้านี้มีเพียงอัครสาวก 12 คน—กจ 1:21, 22, 26; ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 16:21; กจ 11:30
ผมคลาวดิอัสลีเซียส เรียนท่านผู้ว่าราชการเฟลิกส์ที่นับถือ: หรือ “ผมคลาวดิอัสลีเซียส เขียนถึงผู้ว่าราชการเฟลิกส์ที่นับถือ สวัสดีครับ” นี่เป็นคำขึ้นต้นจดหมายตามรูปแบบการเขียนสมัยก่อน จดหมายนี้เริ่มต้นด้วยการบอกว่าผู้เขียนเป็นใคร จากนั้นก็พูดถึงผู้รับ และก็ตามด้วยคำทักทายโดยใช้คำกรีก ไฆโร ที่แปลตรงตัวว่า “มีความสุข” คำนี้ถ่ายทอดแนวคิดที่ว่า “ขอให้พวกคุณมีความสงบสุข” มักมีคำทักทายแบบนี้อยู่ในจดหมายพาไพรัสที่ไม่ใช่คัมภีร์ไบเบิล คำขึ้นต้นจดหมายอีกอย่างหนึ่งที่คล้ายกันมีอยู่ที่ กจ 15:23 และ ยก 1:1—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ กจ 15:23
สวัสดีพี่น้องทุกคน: มีการใช้คำกรีก ไฆโร ที่แปลตรงตัวว่า “มีความสุข” ในข้อนี้เพื่อเป็นคำทักทาย และถ่ายทอดแนวคิดที่ว่า “ขอให้พวกคุณมีความสงบสุข” คำนำของจดหมายเกี่ยวกับการเข้าสุหนัตที่ส่งไปถึงประชาคมต่าง ๆ นี้เป็นรูปแบบการเขียนจดหมายสมัยก่อน จดหมายนี้เริ่มต้นด้วยการบอกว่าผู้เขียนเป็นใคร จากนั้นก็พูดถึงผู้รับ และก็ตามด้วยคำทักทาย (ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ กจ 23:26) ในบรรดาจดหมายทั้งหมดของพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก มีแต่จดหมายของยากอบเท่านั้นที่ทักทายโดยใช้คำกรีก ไฆโร ซึ่งเป็นคำเดียวกับที่ใช้ในจดหมายนี้จากคณะกรรมการปกครองในศตวรรษแรก (ยก 1:1) เนื่องจากยากอบมีส่วนร่วมในการเขียนจดหมายฉบับนี้ จึงสรุปได้ว่ายากอบที่เขียนหนังสือยากอบในพระคัมภีร์เป็นคนเดียวกับยากอบที่เป็นประธานการประชุมซึ่งมีบันทึกไว้ในกิจการ บท 15
เป็นเอกฉันท์: แปลตรงตัวว่า “มีความคิดจิตใจเดียวกัน” มีการใช้คำกรีก ฮอมอธูมาดอน หลายครั้งในหนังสือกิจการ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วใช้เพื่อพูดถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสเตียนในยุคแรก ตัวอย่างเช่น ที่ กจ 1:14 แปลคำนี้ว่า “ร่วมกัน” และที่ กจ 4:24 แปลว่า “พร้อมใจกัน”
งดเว้นจาก: หรือ “อยู่ห่างจาก” คำกริยาที่ใช้ในข้อนี้ทำให้รู้ว่าคริสเตียนต้องงดเว้นจากการกระทำทุกอย่างต่อไปนี้ คือ การไหว้รูปเคารพ การผิดศีลธรรมทางเพศ และการกินเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอตายและไม่ได้เอาเลือดออกอย่างถูกต้อง จากคำกริยานี้ทำให้รู้ว่าคำสั่งที่ให้งดเว้นจากเลือดมีความหมายกว้างกว่าการแค่ไม่กินเลือด คำสั่งนี้ยังเกี่ยวข้องกับการไม่ใช้เลือดอย่างผิด ๆ ในทุกกรณี เพราะนี่เป็นการแสดงความนับถือต่อความศักดิ์สิทธิ์ของเลือด—ลนต 17:11, 14; ฉธบ 12:23
งดเว้น . . . จากเลือด: พระเจ้ามีคำสั่งห้ามไม่ให้กินเลือดครั้งแรกในสมัยโนอาห์กับลูก ๆ ซึ่งเป็นคำสั่งที่ให้กับมนุษย์ทุกคน (ปฐก 9:4-6) 800 ปีต่อมา พระองค์ก็ให้มีคำสั่งนี้ในกฎหมายที่ให้กับชาติอิสราเอล (ลนต 17:13-16) และอีก 1,500 ปีต่อมา พระองค์ก็ยืนยันคำสั่งนี้อีกครั้งกับประชาคมคริสเตียนอย่างที่บอกไว้ในข้อนี้ ในสายตาพระเจ้าการงดเว้นจากเลือดสำคัญเหมือนกับการงดเว้นจากการไหว้รูปเคารพและการทำผิดศีลธรรมทางเพศ
สัตว์ที่ถูกรัดคอตาย: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ กจ 15:20
การผิดศีลธรรมทางเพศ: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ กจ 15:20
ด้วยความปรารถนาดี: หรือ “ขอให้มีสุขภาพดี” คำกรีกที่ใช้ในข้อนี้เป็นคำลงท้ายปกติของจดหมายในสมัยนั้น แต่นี้ไม่ได้หมายความว่าคำสั่งที่ให้ก่อนหน้านี้เป็นคำสั่งที่ช่วยให้มีสุขภาพดี เหมือนกับบอกว่า ‘ถ้าคุณงดเว้นจากสิ่งเหล่านี้ คุณก็จะมีสุขภาพดีขึ้น’ แต่เป็นคำลงท้ายที่อวยพรให้ผู้รับมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงและมีความสุข
การผิดศีลธรรมทางเพศ: คำกรีก พอร์เน่อา เป็นคำกว้าง ๆ ที่หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ทุกรูปแบบที่คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าผิด ซึ่งรวมถึงการเล่นชู้ การเป็นโสเภณี การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างคนที่ยังไม่แต่งงาน การรักร่วมเพศ และการร่วมเพศกับสัตว์—ดูส่วนอธิบายศัพท์
สัตว์ที่ถูกรัดคอตาย: หรือ “สัตว์ที่ถูกฆ่าโดยไม่เอาเลือดออก” ดูเหมือนข้อห้ามนี้ยังเกี่ยวข้องกับสัตว์ที่ตายเอง หรือตายเพราะถูกสัตว์ตัวอื่นฆ่า เพราะการตายทั้ง 2 แบบนี้ไม่ได้มีการเอาเลือดออกอย่างถูกต้อง—อพย 22:31; ลนต 17:15; ฉธบ 14:21
สำเนาพระคัมภีร์ภาษากรีกยุคหลังบางฉบับและฉบับแปลเก่าแก่บางฉบับเพิ่มข้อความว่า “ฝ่ายสิลาสเห็นชอบที่จะอยู่ต่อไปที่นั่น ส่วนยูดาสไปกรุงเยรูซาเล็มคนเดียว” แต่ข้อความนี้ไม่มีในสำเนาพระคัมภีร์ที่เก่าแก่ที่สุดและน่าเชื่อถือที่สุด จึงไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของข้อความต้นฉบับของหนังสือกิจการ ข้อความนี้อาจเป็นคำอธิบายริมหน้ากระดาษของ กจ 15:40 และต่อมาถูกเพิ่มเข้าไปในสำเนาบางฉบับ—ดูภาคผนวก ก3
คำสอนของพระยะโฮวา: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ กจ 8:25
คำสอนของพระยะโฮวา: สำนวนนี้มาจากพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู ซึ่งมีคำฮีบรูรวมกัน 2 คำ คือ “คำสอน” และเททรากรัมมาทอน จึงรวมกันเป็น “คำสอนของพระยะโฮวา” มีสำนวนนี้และสำนวนคล้าย ๆ กันอยู่ในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูประมาณ 200 ครั้ง (ตัวอย่างของสำนวนนี้อยู่ที่ 2ซม 12:9; 24:11; 2พก 7:1; 20:16; 24:2; อสย 1:10; 2:3; 28:14; 38:4; ยรม 1:4; 2:4; อสค 1:3; 6:1; ฮชย 1:1; มคา 1:1; ศคย 9:1) ในสำเนาหนึ่งของฉบับเซปตัวจินต์ ยุคแรก ที่ ศคย 9:1 มีการใช้คำกรีก ลอกอส ตามด้วยชื่อพระเจ้าที่เขียนด้วยอักษรฮีบรูโบราณ () ชิ้นส่วนของสำเนานี้ถูกพบในถ้ำแห่งหนึ่งที่ทะเลทรายยูเดียใกล้ทะเลเดดซี ในนาฮาล เฮเวอร์ ประเทศอิสราเอล สำเนานี้ทำขึ้นระหว่างปี 50 ก่อน ค.ศ. ถึงปี ค.ศ. 50 ถึงแม้สำเนาพระคัมภีร์ภาคภาษากรีกส่วนใหญ่จะไม่มีชื่อของพระเจ้าในข้อนี้ แต่ก็มีเหตุผลที่ดีที่ฉบับแปลโลกใหม่ ใช้ชื่อของพระยะโฮวาในข้อนี้—ดูภาคผนวก ก5
คำสอนของพระยะโฮวา: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ กจ 8:25
คำสอนของพระยะโฮวา: สำนวนนี้มาจากพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู ซึ่งมีคำฮีบรูรวมกัน 2 คำ คือ “คำสอน” และเททรากรัมมาทอน จึงรวมกันเป็น “คำสอนของพระยะโฮวา” มีสำนวนนี้และสำนวนคล้าย ๆ กันอยู่ในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูประมาณ 200 ครั้ง (ตัวอย่างของสำนวนนี้อยู่ที่ 2ซม 12:9; 24:11; 2พก 7:1; 20:16; 24:2; อสย 1:10; 2:3; 28:14; 38:4; ยรม 1:4; 2:4; อสค 1:3; 6:1; ฮชย 1:1; มคา 1:1; ศคย 9:1) ในสำเนาหนึ่งของฉบับเซปตัวจินต์ ยุคแรก ที่ ศคย 9:1 มีการใช้คำกรีก ลอกอส ตามด้วยชื่อพระเจ้าที่เขียนด้วยอักษรฮีบรูโบราณ () ชิ้นส่วนของสำเนานี้ถูกพบในถ้ำแห่งหนึ่งที่ทะเลทรายยูเดียใกล้ทะเลเดดซี ในนาฮาล เฮเวอร์ ประเทศอิสราเอล สำเนานี้ทำขึ้นระหว่างปี 50 ก่อน ค.ศ. ถึงปี ค.ศ. 50 ถึงแม้สำเนาพระคัมภีร์ภาคภาษากรีกส่วนใหญ่จะไม่มีชื่อของพระเจ้าในข้อนี้ แต่ก็มีเหตุผลที่ดีที่ฉบับแปลโลกใหม่ ใช้ชื่อของพระยะโฮวาในข้อนี้—ดูภาคผนวก ก5
วีดีโอและรูปภาพ
เหตุการณ์เรียงตามลำดับเวลา
1. เปาโลแยกกับบาร์นาบัส เปาโลเดินทางไปกับสิลาส ส่วนบาร์นาบัสไปกับยอห์น (ซึ่งมีอีกชื่อหนึ่งว่ามาระโก) (กจ 15:36-41)
2. เปาโลเดินทางไปเมืองเดอร์บี หลังจากนั้นก็ไปเมืองลิสตราซึ่งที่นั่นเขาชวนทิโมธีให้เดินทางไปด้วย (กจ 16:1-4)
3. พลังบริสุทธิ์ห้ามเปาโลไม่ให้เข้าไปประกาศในแคว้นเอเชีย เปาโลจึงเดินทางผ่านแคว้นฟรีเจียและแคว้นกาลาเทีย และจากนั้นเขาก็มาถึงแคว้นมิเซีย (กจ 16:6, 7)
4. ตอนที่เปาโลกับเพื่อนร่วมเดินทางมาถึงเมืองโตรอัส เขาเห็นนิมิตที่ผู้ชายชาวมาซิโดเนียคนหนึ่งอ้อนวอนให้พี่น้องมาช่วยที่แคว้นมาซิโดเนีย (กจ 16:8-10)
5. เปาโลกับเพื่อนร่วมเดินทางลงเรือจากเมืองโตรอัสไปที่เมืองเนอาโปลิส หลังจากนั้นก็เดินทางต่อไปที่เมืองฟีลิปปี (กจ 16:11, 12)
6. เปาโลพูดกับพวกผู้หญิงที่รวมตัวกันอยู่ที่ริมแม่น้ำนอกประตูเมือง ลิเดียและคนในบ้านของเธอรับบัพติศมา (กจ 16:13-15)
7. เปาโลกับสิลาสถูกขังคุกในเมืองฟีลิปปี ผู้คุมกับคนในบ้านของเขารับบัพติศมา (กจ 16:22-24, 31-33)
8. เปาโลเรียกร้องให้มีการขอโทษ พวกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองมาพาทั้งสองคนออกไปจากคุก เปาโลไปเยี่ยมลิเดียและให้กำลังใจพี่น้องที่เพิ่งรับบัพติศมา (กจ 16:37-40)
9. เปาโลกับเพื่อนเดินทางผ่านเมืองอัมฟีโปลิสและอปอลโลเนียไปที่เมืองเธสะโลนิกา (กจ 17:1)
10. เปาโลประกาศที่เมืองเธสะโลนิกา มีชาวยิวบางคนและชาวกรีกมากมายเข้ามาเป็นผู้เชื่อถือ ชาวยิวที่ไม่เชื่อสร้างความชุลมุนวุ่นวายในเมือง (กจ 17:2-5)
11. เมื่อมาถึงเมืองเบโรอา เปาโลกับสิลาสก็ไปประกาศในที่ประชุมของชาวยิว แต่ชาวยิวจากเมืองเธสะโลนิกาตามมาปลุกระดมฝูงชนในเมืองเบโรอา (กจ 17:10-13)
12. เปาโลนั่งเรือไปกรุงเอเธนส์ ส่วนสิลาสกับทิโมธีอยู่ที่เมืองเบโรอาต่อ (กจ 17:14, 15)
13. ในกรุงเอเธนส์ เปาโลบรรยายที่เขาอาเรโอปากัส บางคนเข้ามาเป็นผู้เชื่อถือ (กจ 17:22, 32-34)
14. เปาโลอยู่ที่เมืองโครินธ์หนึ่งปีครึ่ง เขาสอนคำสอนของพระเจ้าให้คนในเมืองนั้น บางคนต่อต้าน แต่ก็มีหลายคนที่เชื่อและรับบัพติศมา (กจ 18:1, 8, 11)
15. จากเมืองเคนเครียซึ่งเป็นเมืองท่าของโครินธ์ เปาโลนั่งเรือไปที่เมืองเอเฟซัสกับปริสสิลลากับอะควิลลา เมื่อไปถึงเปาโลก็ประกาศในที่ประชุมของชาวยิว (กจ 18:18, 19)
16. เปาโลนั่งเรือไปเมืองซีซารียา แต่ปริสสิลลากับอะควิลลาอยู่ที่เมืองเอเฟซัส ดูเหมือนว่าเปาโลเดินทางไปที่กรุงเยรูซาเล็ม แล้วเขาก็กลับไปที่เมืองอันทิโอกในแคว้นซีเรีย (กจ 18:20-22)