ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ดูเถิด! ความสว่างช่างมหัศจรรย์!

ดูเถิด! ความสว่างช่างมหัศจรรย์!

ดู​เถิด! ความ​สว่าง​ช่าง​มหัศจรรย์!

ถ้า​คุณ​เคย​คลำ​หา​ทาง​ใน​ความ​มืด คุณ​คง​รู้​ว่า​มัน​น่า​ข้องขัดใจ​แค่​ไหน. การ​มี​แสง​สว่าง​ช่าง​ทำ​ให้​โล่ง⁠ใจ​เสีย​จริง ๆ! คุณ​อาจ​เคย​อยู่​ใน​สถานการณ์​ที่​เปรียบ​ได้⁠กับ​ความ​มืด​ด้วย. บาง​ที​อาจ​เป็น​ตอน​ที่​คุณ​หา​ทาง​แก้​ปัญหา​ไม่​ได้. แต่​แล้ว​คุณ​ก็​ค่อย ๆ มอง​เห็น​แสง​สว่าง—คุณ​มอง​เห็น​ทาง​แก้​ปัญหา. การ​ออก​มา​จาก​ความ​มืด​เช่น​นั้น​แล้ว​เข้า​สู่​ความ​สว่าง​เป็น​ประสบการณ์​ที่​ยอด​เยี่ยม​จริง ๆ.

ใน​ศตวรรษ​แรก ผู้​คน​ทั่ว​ไป​อยู่​ใน​ความ​มืด​ฝ่าย​วิญญาณ คือ​ไม่​มี​ความ​รู้​ที่​ถูก​ต้อง​เกี่ยว​กับ​พระเจ้า. อัครสาวก​เปโตร​เขียน​เกี่ยว​กับ​คน​ที่​ได้​ทิ้ง​ความ​เชื่อ​เดิม​ของ​ตน​แล้ว​เข้า​มา​อยู่​ใน​ศาสนา​คริสเตียน​ว่า “[พระเจ้า] ได้​ทรง​เรียก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ให้​ออก​มา​จาก​ความ​มืด​เข้า​ใน​สว่าง​อัน​มหัศจรรย์​ของ​พระองค์.” (1 เปโตร 2:9) สำหรับ​พวก​เขา นี่​เป็น​เหมือน​การ​เปลี่ยน​จาก​การ​อยู่​ใน​ความ​มืด​มิด​มา​สู่​ความ​สว่าง​เจิดจ้า และ​ยัง​อาจ​เปรียบ​ได้​กับ​การ​อยู่​คน​เดียว​โดย​ไร้​ความ​หวัง​แล้ว​ได้​กลาย​มา​เป็น​สมาชิก​ของ​ครอบครัว​หนึ่ง​ที่​มี​อนาคต​มั่นคง.—เอเฟโซ 2:1, 12.

“เจ้า​สลัด​ความ​รัก​ดั้งเดิม​ของ​เจ้า”

คริสเตียน​ใน​ยุค​แรก​ได้​พบ “ความ​จริง” ซึ่ง​ก็​คือ​ความ​เชื่อ​แท้​ของ​คริสเตียน. (โยฮัน 18:37) พวก​เขา​ได้​เห็น​แสง​สว่าง​อัน​มหัศจรรย์​แห่ง​ความ​จริง​และ​ได้​ออก​จาก​ความ​มืด​ฝ่าย​วิญญาณ​เข้า​สู่​ความ​สว่าง​อัน​เจิดจ้า. อย่าง​ไร​ก็​ตาม เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป ความ​กระตือรือร้น​และ​ใจ​แรง​กล้า​ที่​มี​ใน​ตอน​แรก​ของ​คริสเตียน​บาง​คน​ก็​ลด​ลง. ตัว​อย่าง​เช่น เมื่อ​ถึง​ปลาย​ศตวรรษ​แรก เกิด​ปัญหา​ร้ายแรง​ขึ้น​ใน​ประชาคม​เอเฟโซส์. พระ​เยซู​คริสต์​ผู้​ได้​รับ​การ​ปลุก​ให้​คืน​พระ​ชนม์​ทรง​ชี้​ถึง​ปัญหา​นั้น​โดย​ตรัส​ว่า “เรา​มี​ข้อ​ที่​จะ​ต่อ​ว่า​เจ้า​บ้าง, ด้วย​ว่า​เจ้า​สลัด​ความ​รัก​ดั้งเดิม​ของ​เจ้า. เหตุ​ฉะนั้น​จง​ระลึก​ถึง​สิ่ง​ที่​เจ้า​พลาด​แล้ว​นั้น, และ​กลับ​ใจ​เสีย​ใหม่​ประพฤติ​ตาม​อย่าง​เดิม.” (วิวรณ์ 2:4, 5) คริสเตียน​ใน​เมือง​เอเฟโซส์​จำเป็น​ต้อง​ฟื้น​ความ​รัก​ที่​พวก​เขา​เคย​มี​ต่อ​พระเจ้า​และ​ต่อ​ความ​จริง​ขึ้น​มา​ใหม่.

จะ​ว่า​อย่าง​ไร​สำหรับ​พวก​เรา? เรา​เอง​ก็​เช่น​กัน มี​ความ​ยินดี​ที่​ได้​เห็น​ความ​สว่าง​เมื่อ​มา​รู้​จัก​ความ​จริง​อัน​มหัศจรรย์​จาก​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า. เรา​ได้​มา​รัก​ความ​จริง. แต่​ความ​ยาก​ลำบาก​ที่​มัก​เกิด​แก่​มนุษย์​อาจ​ทำ​ให้​ความ​รัก​ที่​เรา​มี​ต่อ​ความ​จริง​ลด​น้อย​ลง​ได้. นอก​จาก​นั้น​ก็​ยัง​มี​ปัญหา​ที่​เป็น​ลักษณะ​เฉพาะ​ของ “สมัย​สุด​ท้าย.” เรา​กำลัง​อยู่​ใน​โลก​ที่​มี “วิกฤตกาล​ซึ่ง​ยาก​ที่​จะ​รับมือ​ได้” เป็น​ลักษณะ​เด่น เป็น​โลก​ที่​เต็ม​ไป​ด้วย​ผู้​คน​ซึ่ง “รัก​ตัว​เอง, เป็น​คน​รัก​เงิน, อวด​ตัว, จองหอง, เป็น​คน​หมิ่น​ประมาท, ไม่​เชื่อ​ฟัง​บิดา​มารดา, อกตัญญู, ไม่​ภักดี.” (2 ติโมเธียว 3:1, 2, ล.ม.) อิทธิพล​ของ​พวก​เขา​อาจ​บั่น​ทอน​ความ​มี​ใจ​แรง​กล้า​ของ​เรา​และ​ทำ​ให้​ความ​รัก​ที่​เรา​มี​ต่อ​พระ​ยะโฮวา​จืด​จาง​ไป.

ถ้า​เรา​สูญ​เสีย​ความ​รัก​ที่​เรา​มี​ใน​ตอน​แรก​ไป เรา​จำเป็น​ต้อง ‘ระลึก​ถึง​สิ่ง​ที่​เรา​พลาด​แล้ว​นั้น และ​กลับ​ใจ​เสีย​ใหม่.’ เรา​จำเป็น​ต้อง​กลับ​มา​สู่​สภาพ​ฝ่าย​วิญญาณ​ที่​เรา​เคย​มี. นอก​จาก​นี้ เรา​ต้อง​ระวัง​ไม่​ปล่อย​ให้​ความ​รัก​ที่​เรา​มี​ต่อ​ความ​จริง​ลด​น้อย​ถอย​ลง. เป็น​เรื่อง​สำคัญ​จริง ๆ ที่​เรา​ทุก​คน​จะ​มี​ทัศนะ​ใน​แง่​บวก​และ​ชื่นชม​กับ​ความ​หวัง​เสมอ และ​รักษา​ความ​รัก​ที่​เรา​มี​ต่อ​พระเจ้า​และ​ความ​จริง​ของ​พระองค์​ให้​คง​อยู่​ต่อ ๆ ไป!

‘ความ​จริง​ที่​ทำ​ให้​เป็น​อิสระ’

แสง​สว่าง​แห่ง​ความ​จริง​ใน​พระ​คัมภีร์​เป็น​สิ่ง​มหัศจรรย์​เพราะ​คัมภีร์​ไบเบิล​ตอบ​คำ​ถาม​สำคัญ ๆ ที่​สร้าง​ความ​สับสน​งงงวย​ให้​มนุษย์​มา​หลาย​พัน​ปี. ตัว​อย่าง​ของ​คำ​ถาม​เหล่า​นั้น​ได้​แก่: ทำไม​เรา​มา​อยู่​ที่​นี่? จุด​มุ่ง​หมาย​ของ​ชีวิต​คือ​อะไร? ทำไม​จึง​มี​ความ​ชั่ว? ชีวิต​หลัง​จาก​ตาย​มี​ไหม? พระ​ยะโฮวา​ทรง​ให้​ความ​กระจ่าง​แก่​เรา​ด้วย​ความ​จริง​อัน​มหัศจรรย์​ที่​พบ​ใน​หลัก​คำ​สอน​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล. เรา​น่า​จะ​รู้สึก​ขอบคุณ​ด้วย​ใจ​จริง​มิ​ใช่​หรือ? ขอ​เรา​อย่า​ได้​คิด​ว่า​สิ่ง​ที่​เรา​ได้​เรียน​รู้​นั้น​เป็น​เรื่อง​ไม่​สำคัญ​อะไร!

พระ​เยซู​ทรง​บอก​สาวก​ของ​พระองค์​ว่า “เจ้า​ทั้ง​หลาย​จะ​รู้​จัก​ความ​จริง และ​ความ​จริง​จะ​ทำ​ให้​เจ้า​เป็น​อิสระ.” (โยฮัน 8:32, ล.ม.) เครื่อง​บูชา​ไถ่​ของ​พระ​เยซู​เปิด​โอกาส​ให้​เรา​ได้​เป็น​อิสระ​จาก​บาป​และ​ความ​ตาย. แต่​ความ​จริง​อัน​ล้ำ​ค่า​เหล่า​นี้​ยัง​ได้​ปลด​ปล่อย​เรา​จาก​ความ​ไม่​รู้​และ​ความ​ไม่​แน่นอน​ที่​มี​อยู่​ใน​โลก​ซึ่ง​ปก​คลุม​ด้วย​ความ​มืด​ด้วย. การ​ใคร่ครวญ​ด้วย​ความ​รู้สึก​หยั่ง​รู้​ค่า​ต่อ​สิ่ง​ที่​เรา​ได้​เรียน​รู้​จะ​ช่วย​ให้​เรา​มี​ความ​รัก​ต่อ​พระ​ยะโฮวา​และ​ต่อ​พระ​คำ​ของ​พระองค์​มาก​ยิ่ง​ขึ้น.

เปาโล​เขียน​ไป​หา​คริสเตียน​ใน​เมือง​เทสซาโลนิเก​ว่า “เมื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​รับ​คำ​ของ​พระเจ้า​ซึ่ง​ท่าน​ได้​ยิน​จาก​เรา, ท่าน​ไม่​ได้​รับ​ไว้​อย่าง​เป็น​คำ​ของ​มนุษย์, แต่​ได้​รับ​ไว้​อย่าง​เป็น​คำ​ของ​พระเจ้า, แล้ว​ก็​เป็น​คำ​อย่าง​นั้น​จริง ๆ ด้วย, ซึ่ง​กำลัง​กระทำ​กิจ​อยู่​ภาย​ใน​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ที่​เชื่อ.” (1 เธซะโลนิเก 2:13) ชาว​เทสซาโลนิเก​ได้​ยิน​และ ‘ได้​รับ​ถ้อย​คำ [ของ​พระเจ้า] ด้วย​ความ​ยินดี.’ พวก​เขา​ไม่​อยู่​ใน “ความ​มืด” อีก​ต่อ​ไป. แต่​พวก​เขา​กลาย​มา​เป็น “บุตร​ของ​ความ​สว่าง.” (1 เธซะโลนิเก 1:4-7; 5:4, 5) คริสเตียน​เหล่า​นั้น​ได้​มา​รู้​ว่า​พระ​ยะโฮวา​เป็น​พระ​ผู้​สร้าง​และ​พระองค์​ทรง​ไว้​ซึ่ง​ฤทธานุภาพ​ทุก​ประการ, สติ​ปัญญา, ความ​รัก, และ​ความ​เมตตา. เช่น​เดียว​กับ​ผู้​ติด​ตาม​พระ​คริสต์​คน​อื่น ๆ พวก​เขา​ได้​เรียน​ด้วย​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ทรง​จัด​เตรียม​การ​ลบ​ล้าง​บาป​ของ​พวก​เขา​โดย​ทาง​เครื่อง​บูชา​ไถ่​ของ​พระ​เยซู​คริสต์ พระ​บุตร​ของ​พระองค์.—กิจการ 3:19-21.

ถึง​แม้​ชาว​เทสซาโลนิเก​ไม่​ทราบ​ทุก​อย่าง​เกี่ยว​กับ​ความ​จริง แต่​พวก​เขา​ก็​ทราบ​ว่า​จะ​หา​ความ​รู้​นั้น​ได้​จาก​ที่​ไหน. พระ​คัมภีร์​ที่​มี​ขึ้น​โดย​การ​ดล​ใจ​สามารถ​ทำ​ให้​คน​ของ​พระเจ้า “เป็น​ผู้​รอบคอบ, คือ​เป็น​ผู้​ที่​ได้​ถูก​เตรียม​ไว้​พร้อม​แล้ว​สำหรับ​การ​ดี​ทุก​อย่าง.” (2 ติโมเธียว 3:16, 17) คริสเตียน​ใน​เมือง​เทสซาโลนิเก​สามารถ​ศึกษา​ต่อ ๆ ไป และ​ประสบ​ครั้ง​แล้ว​ครั้ง​เล่า​ว่า​ความ​สว่าง​จาก​พระเจ้า​เป็น​สิ่ง​มหัศจรรย์​อย่าง​แท้​จริง. พวก​เขา​มี​เหตุ​ที่​จะ​ชื่นชม​ยินดี​อยู่​เสมอ. (1 เธซะโลนิเก 5:16) และ​เรา​ก็​เช่น​กัน.

แสง​สว่าง​ตาม​ทาง​ของ​เรา

ผู้​ประพันธ์​เพลง​สรรเสริญ​ร้อง​บอก​เหตุ​ผล​หนึ่ง​ที่​ความ​สว่าง​เป็น​สิ่ง​มหัศจรรย์ ดัง​นี้: “พระ​วจนะ​ของ​พระองค์​เป็น​โคม​สำหรับ​เท้า​ของ​ข้าพเจ้า, และ​เป็น​แสง​สว่าง​ตาม​ทาง​ของ​ข้าพเจ้า.” (บทเพลง​สรรเสริญ 119:105) การ​ชี้​นำ​ที่​เรา​ได้​รับ​จาก​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​สามารถ​ช่วย​เรา​ให้​วาง​แผน​ชีวิต​อย่าง​ฉลาด​สุขุม​และ​มี​ชีวิต​ที่​เปี่ยม​ไป​ด้วย​ความ​หมาย. เรา​ไม่​จำเป็น​ต้อง​เป็น​เหมือน​เรือ​ที่​ลอย​เคว้ง​คว้าง. การ​รู้​จัก​และ​นำ​ความ​จริง​มา​ใช้​ป้องกัน​เรา​ไม่​ให้​ถูก “ซัด​ไป​ซัด​มา​และ​หัน​ไป​เหมา​ด้วย​ลมปาก​แห่ง​คำ​สั่ง​สอน​ทุก​อย่าง.”—เอเฟโซ 4:14.

คัมภีร์​ไบเบิล​กล่าว​ว่า “อย่า​วางใจ​ใน​พวก​เจ้านาย, หรือ​ใน​เผ่า​พันธุ์​มนุษย์​ที่​ช่วย​ให้​รอด​ไม่​ได้” และ​ยัง​กล่าว​ด้วย​ว่า “ผู้​ใด​ที่​มี​พระเจ้า​ของ​ยาโคบ​เป็น​ผู้​ช่วย​ก็​เป็น​สุข, คือ​คน​ที่​ไว้​ใจ​ใน​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ของ​ตน.” (บทเพลง​สรรเสริญ 146:3, 5) นอก​จาก​นั้น การ​วางใจ​ใน​พระ​ยะโฮวา​ช่วย​เรา​ให้​เอา​ชนะ​ความ​กลัว​และ​ความ​กังวล. อัครสาวก​เปาโล​เขียน​ว่า “อย่า​กระวนกระวาย​ด้วย​สิ่ง​ใด​เลย, แต่​จง​เสนอ​ความ​ปรารถนา​ของ​ท่าน​ทุก​อย่าง​ต่อ​พระเจ้า​โดย​การ​อธิษฐาน​กับ​การ​ขอบพระคุณ. และ​สันติ​สุข​แห่ง​พระเจ้า, ซึ่ง​เหลือ​ที่​จะ​เข้าใจ​ได้, จะ⁠คุ้มครอง​ใจ​และ​ความ​คิด​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ไว้​ใน​พระ​เยซู​คริสต์.” (ฟิลิปปอย 4:6, 7) การ​ให้​แสง​สว่าง​แห่ง​พระ​คำ​ของ⁠พระเจ้า​นำ​ทาง​เรา​เป็น​ประโยชน์​แก่​เรา​อย่าง​แท้​จริง.

ปรากฏ​ดุจ​ดวง​สว่าง​ใน​โลก

เหตุ​ผล​อีก​ประการ​หนึ่ง​ที่​ทำ​ให้​ความ​สว่าง​จาก​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​เป็น​สิ่ง​น่า​อัศจรรย์​คือ ความ​สว่าง​นี้​เปิด​ทาง​สู่​งาน​มอบหมาย​ที่​สูง​ส่ง​ที่​สุด​เท่า​ที่​มนุษย์​จะ​มี​ได้. พระ​เยซู​ทรง​สั่ง​ผู้​ที่​ติด​ตาม​พระองค์​ว่า “จง​ออก​ไป​สั่ง​สอน​ชน​ทุก​ประเทศ​ให้​เป็น​สาวก, ให้​รับ​บัพติสมา​ใน​นาม​แห่ง​พระ​บิดา​และ​พระ​บุตร​และ​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์ สอน​เขา​ให้​ถือ​รักษา​สิ่ง​สารพัตร​ซึ่ง​เรา​ได้​สั่ง​พวก​ท่าน​ไว้ นี่​แหละ, เรา​จะ​อยู่​กับ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เสมอ​ไป​เป็น​นิตย์​กว่า​จะ​สิ้น​โลก.” ก่อน​จะ​ให้​คำ​สั่ง​นี้ พระองค์​ทรง​กล่าว​นำ​ว่า “ฤทธานุภาพ​ทั้ง​สิ้น​ใน​สวรรค์​ก็​ดี, ใน​แผ่นดิน​โลก​ก็​ดี ทรง​มอบ​ไว้​แก่​เรา​แล้ว.”—มัดธาย 28:18-20.

ขอ​ให้​คิด​ดู​ว่า​ใคร​กำลัง​ช่วย​คริสเตียน​แท้​ใน​การ​ประกาศ​ข่าว​ดี​และ​สอน​ความ​จริง​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​แก่​คน​ทุก​ชาติ. พระ​เยซู​ทรง​สัญญา​กับ​ผู้​ที่​ติด​ตาม​พระองค์​ว่า​พระองค์​จะ​อยู่​กับ​พวก​เขา. พระองค์​ได้​ทรง​ช่วยเหลือ​และ​สนับสนุน​พวก​เขา​ใน​งาน​รับใช้​เสมอ​มา​จริง ๆ ขณะ​ที่​พวก​เขา ‘ให้​ความ​สว่าง​ของ​ตน​ส่อง​ไป’ โดย​วิธี​นั้น​และ​โดย​ทาง “การ​ดี” อื่น ๆ. (มัดธาย 5:14-16) ทูตสวรรค์​ก็​มี​ส่วน​ร่วม​ใน​งาน​เผยแพร่​นี้​เช่น​กัน. (วิวรณ์ 14:6) แล้ว​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ล่ะ? อัครสาวก​เปาโล​เขียน​ว่า “ข้าพเจ้า​ได้​ปลูก​ไว้, อะโปโล​ได้​รด​น้ำ แต่​พระเจ้า​ได้​ทรง​บันดาล​ให้​เกิด​ผล.” นับ​เป็น​สิทธิ​พิเศษ​อย่าง​แท้​จริง​ที่​ได้​อยู่​ใน​กลุ่ม “ผู้​ร่วม​ทำ​การ​ด้วย​กัน​กับ​พระเจ้า”!—1 โกรินโธ 3:6, 9.

ขอ​ให้​คิด​ด้วย​ว่า​ความ​พยายาม​ของ​เรา​ใน​การ​ทำ​งาน​ที่​พระเจ้า​มอบหมาย​นี้​ได้​รับ​พระ​พร​อย่าง​ไร. ไม่​มี​อะไร​จะ​เทียบ​ได้​กับ​สิทธิ​พิเศษ​ที่​เรา​ได้​รับ​จาก​พระเจ้า​ให้ “ปรากฏ​ดุจ​ดวง​สว่าง​ต่าง ๆ ใน​โลก.” โดย​การ​สะท้อน​แสง​จาก​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ใน​คำ​พูด​และ​การ​กระทำ​ของ​เรา เรา​สามารถ​ให้​การ​ช่วยเหลือ​ที่​แท้​จริง​แก่​ผู้​มี​หัวใจ​สุจริต​ได้. (ฟิลิปปอย 2:15) และ​เรา​มี​ความ​ยินดี​ได้​ขณะ​ที่​ประกาศ​และ​สอน​ด้วย​ใจ​แรง​กล้า ‘เพราะ​ว่า​พระเจ้า​ไม่​ใช่​อธรรม​ที่​จะ​ทรง​ลืม​การ​งาน​ของ​เรา​และ​ความ​รัก​ที่​เรา​ได้​สำแดง​ต่อ​พระ​นาม​ของ​พระองค์.’—เฮ็บราย 6:10.

‘จง​ไป​ซื้อ​ยา​ทา​ตา’

ใน​ข่าวสาร​ที่​มี​ไป​ถึง​ประชาคม​ลาโอดิเคีย​ใน​ศตวรรษ​แรก พระ​เยซู​ตรัส​ว่า ‘ให้​ซื้อ​ยา​จาก​เรา​มา​ทา​ตา​ของ​เจ้า​เพื่อ​เจ้า​จะ​ได้​มอง​เห็น. เรา​ว่า​กล่าว​และ​ตี​สอน​ผู้​ที่​เรา​รัก.’ (วิวรณ์ 3:18, 19, ล.ม.) สิ่ง​ที่​จะ​รักษา​อาการ​ตา​บอด​ฝ่าย​วิญญาณ​ได้​อย่าง​แน่นอน​คือ ‘ยา​ทา​ตา’ ซึ่ง​ก็​คือ​คำ​สอน​และ​การ​ตี​สอน​จาก​พระ​เยซู. ถ้า​เรา​ต้องการ​มี​ทัศนะ​ฝ่าย​วิญญาณ​ที่​เหมาะ​สม​เสมอ เรา​ก็​ต้อง​ยอม​รับ​คำ​แนะ​นำ​ของ​พระองค์​และ​ยอม​ทำ​ตาม​คำ​แนะ​นำ​นั้น​รวม​ทั้ง​การ​ชี้​นำ​อื่น ๆ ที่​พบ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ตลอด​ทั้ง​เล่ม​ด้วย. นอก​จาก​นี้​เรา​ควร​รับ​เอา​ทัศนะ​แบบ​ที่​พระ​คริสต์​ทรง​มี​และ​ทำ​ตาม​แบบ​อย่าง​ของ​พระองค์. (ฟิลิปปอย 2:5; 1 เปโตร 2:21) ยา​ทา​ตา​ไม่​ใช่​ของ​แจก​ฟรี. พระ​เยซู​ตรัส​ว่า ‘ให้​ซื้อ​จาก​เรา.’ ราคา​ของ​ยา​นั้น​รวม​ถึง​เวลา​และ​ความ​พยายาม​ของ​เรา.

เมื่อ​ออก​มา​จาก​ที่​มืด​และ​เข้า​ไป​ใน​ห้อง​ที่​เปิด​ไฟ​สว่าง เรา​อาจ​ต้อง​ใช้​เวลา​ปรับ​สายตา​สัก​ครู่. ใน​ทำนอง​เดียว​กัน เพื่อ​จะ​ศึกษา​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​และ​มอง​เห็น​แสง​สว่าง​แห่ง​ความ​จริง​จำ​ต้อง​ใช้​เวลา. เรา​ต้อง​ใช้​เวลา​ไตร่ตรอง​สิ่ง​ที่​เรา​เรียน​และ​ใคร่ครวญ​ว่า​ความ​จริง​มี​ค่า​มาก​เพียง​ไร. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ราคา​ของ​ยา​ไม่​ได้​สูง​จน​เกิน​ไป. เพราะ​เหตุ​ใด? ก็​เพราะ​ความ​สว่าง​นั้น​มหัศจรรย์!

[ภาพ​หน้า 14]

‘ให้​ซื้อ​ยา​จาก​เรา​มา​ทา​ตา​ของ⁠เจ้า​เพื่อ​เจ้า​จะ​ได้​มอง​เห็น’