ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ทำ​ให้​ชีวิต​แต่งงาน​ประสบ​ความ​สำเร็จ

ทำ​ให้​ชีวิต​แต่งงาน​ประสบ​ความ​สำเร็จ

“ให้​สามี​ทุก​คน​รัก​ภรรยา​เหมือน​รัก​ตัว​เอง ส่วน​ภรรยา​ก็​ควร​นับถือ​สามี​จาก​ใจ”—อฟ. 5:33

เพลง 87, 3

1. ถึง​แม้​ชีวิต​คู่​มัก​เริ่ม​ต้น​ด้วย​ความ​สุข แต่​พวก​เขา​ก็​คาด​หมาย​ว่า​จะ​ต้อง​เจอ​กับ​อะไร​ด้วย? (ดู​ภาพ​แรก)

เจ้าบ่าว​มอง​เจ้าสาว​แสน​สวย​ของ​เขา​ใน​วัน​แต่งงาน ไม่​มี​คำ​พูด​ไหน​ที่​จะ​บรรยาย​ถึง​ความ​สุข​ที่​พวก​เขา​มี​ใน​ช่วง​เวลา​นั้น​ได้ ตอน​ที่​พวก​เขา​เป็น​แฟน​กัน เขา​รัก​กัน​มาก อยาก​จะ​แต่งงาน​กัน และ​พร้อม​ที่​จะ​ปฏิญาณ​ว่า​จะ​ซื่อ​สัตย์​ต่อ​กัน​เสมอ หลัง​จาก​วัน​แต่งงาน​พวก​เขา​ก็​เริ่ม​ใช้​ชีวิต​อยู่​ด้วย​กัน พวก​เขา​ต้อง​ปรับ​ตัว​เพื่อ​จะ​เข้า​กัน​ได้ พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ที่​เริ่ม​ให้​มี​การ​แต่งงาน​อยาก​ให้​คู่​สมรส​มี​ความ​สุข​และ​ประสบ​ความ​สำเร็จ พระองค์​จึง​ให้​คำ​แนะ​นำ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล (สภษ. 18:22) ถึง​แม้​จะ​เป็น​อย่าง​นั้น คัมภีร์​ไบเบิล​ก็​บอก​ว่า​เมื่อ​มนุษย์​ไม่​สมบูรณ์​แบบ​แต่งงาน​กัน​ก็​จะ​มี​ปัญหา​หรือ “มี​ความ​ยุ่งยาก​ใน​ชีวิต” (1 คร. 7:28) สามี​และ​ภรรยา​จะ​ทำ​ให้​ปัญหา​เหล่า​นั้น​ลด​น้อย​ลง​ได้​อย่าง​ไร? และ​พวก​เขา​จะ​ทำ​ให้​ชีวิต​คู่​ประสบ​ความ​สำเร็จ​ได้​อย่าง​ไร?

2. คู่​สมรส​ควร​แสดง​ความ​รัก​แบบ​ไหน​บ้าง?

2 คัมภีร์​ไบเบิล​สอน​ว่า​ความ​รัก​เป็น​คุณลักษณะ​ที่​สำคัญ​มาก แต่​ก็​มี​ความ​รัก​หลาย​แบบ​ที่​สามี​และ​ภรรยา​ต้อง​แสดง​ออก​ใน​ชีวิต​คู่ เช่น พวก​เขา​ต้อง​มี​ความ​รัก​ที่​อบอุ่น​และ​อ่อนโยน (ภาษา​กรีก​คือ ฟีเลีย) และ​มี​ความ​รัก​แบบ​โรแมนติก (เอรอส) นอก​จาก​นั้น ความ​รัก​ใน​ครอบครัว (สตอร์เก) ก็​สำคัญ​มาก​ถ้า​พวก​เขา​มี​ลูก แต่​ความ​รัก​แบบ​ที่​ใช้​หลักการ (อะกาเป) เป็น​ความ​รัก​ที่​จะ​ช่วย​ให้​คู่​สมรส​อยู่​ด้วย​กัน​อย่าง​ประสบ​ความ​สำเร็จ อัครสาวก​เปาโล​พูด​ถึง​ความ​รัก​แบบ​หลัง​นี้​ว่า “ให้​สามี​ทุก​คน​รัก​ภรรยา​เหมือน​รัก​ตัว​เอง ส่วน​ภรรยา​ก็​ควร​นับถือ​สามี​จาก​ใจ”—อฟ. 5:33

หน้า​ที่​รับผิดชอบ​ของ​แต่​ละ​คน

3. คู่​สมรส​ควร​รัก​กัน​มาก​ขนาด​ไหน?

3 เปาโล​บอก​ว่า “ส่วน​สามี ก็​ให้​รัก​ภรรยา​เสมอ​เหมือน​ที่​พระ​คริสต์​รัก​ประชาคม​และ​สละ​ชีวิต​เพื่อ​พวก​เขา” (อฟ. 5:25) คริสเตียน​ใน​ทุก​วัน​นี้​เลียน​แบบ​ตัว​อย่าง​ของ​พระ​เยซู พวก​เขา​รัก​กัน​เหมือน​ที่​พระ​เยซู​รัก​สาวก (อ่าน​ยอห์น 13:34, 35; 15:12, 13) สามี​และ​ภรรยา​คริสเตียน​น่า​จะ​รัก​กัน​มาก​จน​ถึง​ขั้น​ที่​ยอม​ตาย​แทน​กัน​ได้ แต่​พอ​มี​ปัญหา​ร้ายแรง​บาง​อย่าง​เกิด​ขึ้น​ระหว่าง​พวก​เขา พวก​เขา​อาจ​ไม่​ได้​รู้สึก​รัก​กัน​มาก​ขนาด​นั้น​แล้ว อะไร​จะ​ช่วย​ได้? พวก​เขา​ต้อง​มี​ความ​รัก​ที่​ใช้​หลักการ (อะกาเป) ซึ่ง​จะ​ช่วย​พวก​เขา​ให้ “ยอม​ทน​รับ​ทุก​อย่าง เชื่อ​อยู่​เสมอ หวัง​อยู่​เสมอ อด​ทน​ได้​ทุก​อย่าง” ความ​รัก​แบบ​นี้​แหละ​ที่ “จะ​คง​อยู่​ตลอด​ไป” (1 คร. 13:7, 8) คู่​สมรส​ต้อง​ไม่​ลืม​ว่า​พวก​เขา​ได้​ปฏิญาณ​ต่อ​กัน​แล้ว พวก​เขา​สัญญา​ว่า​จะ​รัก​กัน​และ​ซื่อ​สัตย์​ต่อ​กัน การ​จำ​เรื่อง​นี้​ไว้​เสมอ​จะ​ช่วย​กระตุ้น​ให้​คู่​สมรส​ขอ​ความ​ช่วยเหลือ​จาก​พระ​ยะโฮวา​และ​ร่วม​มือ​กัน​เพื่อ​แก้​ปัญหา​ต่าง ๆ

4, 5. (ก) ภรรยา​ควร​รู้สึก​อย่าง​ไร​ที่​พระ​คัมภีร์​บอก​ว่า​สามี​เป็น​ผู้​นำ? (ข) สามี​ควร​ทำ​หน้า​ที่​ผู้​นำ​ครอบครัว​อย่าง​ไร? (ค) คู่​สมรส​คู่​หนึ่ง​ต้อง​ปรับ​ตัว​อย่าง​ไร​บ้าง?

4 เปาโล​พูด​ถึง​หน้า​ที่​ของ​แต่​ละ​คน​ว่า “ให้​ภรรยา​เชื่อ​ฟัง​สามี​เหมือน​ที่​เธอ​เชื่อ​ฟัง​พระ​คริสต์ เพราะ​สามี​เป็น​ผู้​นำ​ของ​ภรรยา​เหมือน​ที่​พระ​คริสต์​เป็น​ผู้​นำ​ของ​ประชาคม” (อฟ. 5:22, 23) นี่​ไม่​ได้​หมาย​ความ​ว่า​ภรรยา​สำคัญ​น้อย​กว่า​สามี เพราะ​พระ​ยะโฮวา​พูด​ถึง​บทบาท​ที่​สำคัญ​ของ​ภรรยา​ด้วย​ว่า “ถ้า​จะ​ให้​มนุษย์​คน​นั้น​อยู่​คน​เดียว​ต่อ​ไป​ก็​ไม่​เหมาะ เรา​จะ​ให้​เขา​มี​ผู้​ช่วย​คน​หนึ่ง​มา​เป็น​คู่​ที่​เหมาะ​กับ​เขา มา​เติม​เต็ม​ชีวิต​ให้​เขา” (ปฐก. 2:18) ภรรยา​ควร​สนับสนุน​สามี​ให้​เป็น​ผู้​นำ​ครอบครัว​ที่​ดี ส่วน​สามี​ก็​ต้อง​เลียน​แบบ​ตัว​อย่าง​การ​แสดง​ความ​รัก​ของ​พระ​เยซู​ที่​เป็น “ผู้​นำ​ของ​ประชาคม” ถ้า​สามี​ทำ​แบบ​นั้น​ภรรยา​ก็​จะ​รู้สึก​มั่นคง​ปลอด​ภัย​และ​รู้สึก​ว่า​ง่าย​ขึ้น​ที่​จะ​นับถือ​และ​สนับสนุน​สามี

5 เค​ที [1] ภรรยา​ของ​เฟรด​ยอม​รับ​ว่า “ตอน​ฉัน​เป็น​โสด ฉัน​ดู​แล​ตัว​เอง​ได้​ไม่​ต้อง​พึ่ง​ใคร แต่​พอ​แต่งงาน​แล้ว​ฉัน​ก็​ต้อง​ปรับ​ตัว ฉัน​ต้อง​เรียน​รู้​ที่​จะ​พึ่ง​สามี นี่​ไม่​ใช่​เรื่อง​ง่าย​เลย แต่​เพราะ​เรา​ทำ​ตาม​สิ่ง​ที่​พระ​ยะโฮวา​บอก เรา​ก็​เลย​ใกล้​ชิด​กัน​มาก​ขึ้น” เฟรด​บอก​ว่า “ผม​ไม่​ได้​เป็น​คน​ที่​ตัดสิน​ใจ​เก่ง ยิ่ง​แต่งงาน​แล้ว​ผม​ต้อง​ตัดสิน​ใจ​แทน​สอง​คน มัน​ก็​เลย​ยิ่ง​ยาก​เข้า​ไป​อีก แต่​โดย​การ​อธิษฐาน​ขอ​การ​ชี้​นำ​จาก​พระ​ยะโฮวา​และ​ฟัง​ความ​เห็น​ของ​ภรรยา การ​ตัดสิน​ใจ​ก็​เป็น​เรื่อง​ง่าย​ขึ้น​ทุก​วัน ผม​รู้สึก​ว่า​เรา​เป็น​ทีม​เดียว​กัน​จริง ๆ”

6. ความ​รัก​จะ “ผูก​พัน​ผู้​คน​ให้​เป็น​น้ำ​หนึ่ง​ใจ​เดียว​กัน​อย่าง​แท้​จริง” ได้​อย่าง​ไร​เมื่อ​มี​ปัญหา​ใน​ชีวิต​คู่?

6 ชีวิต​คู่​จะ​มั่นคง​ถ้า​ทั้ง​สามี​และ​ภรรยา “ทน​กัน​และ​กัน และ​ให้​อภัย​กัน​อย่าง​ใจ​กว้าง​ต่อ​ไป” เนื่อง​จาก​ไม่​มี​ใคร​สมบูรณ์​แบบ ทั้ง​สามี​และ​ภรรยา​อาจ​ทำ​ผิด​พลาด เมื่อ​เรื่อง​แบบ​นี้​เกิด​ขึ้น​พวก​เขา​จะ​ได้​เรียน​จาก​ข้อ​ผิด​พลาด​ของ​ตัว​เอง เรียน​รู้​ที่​จะ​ให้​อภัย และ​มี​โอกาส​ที่​จะ​แสดง​ความ​รัก​แบบ​ที่​ใช้​หลักการ​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล ความ​รัก​แบบ​นี้​แหละ​ที่ “ผูก​พัน​ผู้​คน​ให้​เป็น​น้ำ​หนึ่ง​ใจ​เดียว​กัน​อย่าง​แท้​จริง” (คส. 3:13, 14) คู่​สมรส​สามารถ​แสดง​ความ​รัก​แบบ​นี้​โดย​การ​อด​ทน แสดง​ความ​เมตตา​ต่อ​กัน และ “ไม่​จด​จำ​เรื่อง​ที่​ทำ​ให้​เจ็บใจ” (1 คร. 13:4, 5) เมื่อ​มี​เรื่อง​ที่​ไม่​เข้าใจ​กัน พวก​เขา​ต้อง​พยายาม​แก้​ปัญหา​ให้​เร็ว​ที่​สุด​ภาย​ใน​วัน​นั้น (อฟ. 4:26, 27) การ​เป็น​คน​ถ่อม​ตัว​และ​กล้า​ที่​จะ​พูด​ว่า “ฉัน​ขอ​โทษ​ที่​ทำ​ให้​คุณ​เสียใจ” จะ​ช่วย​แก้​ปัญหา​และ​ช่วย​ให้​คู่​สมรส​ใกล้​ชิด​กัน​มาก​ขึ้น

ช่วง​เวลา​ที่​ต้อง​อ่อนโยน​เป็น​พิเศษ

7, 8. (ก) คัมภีร์​ไบเบิล​มี​คำ​แนะ​นำ​อะไร​เกี่ยว​กับ​การ​มี​เพศ​สัมพันธ์? (ข) ทำไม​คู่​สมรส​ต้อง​แสดง​ความ​อ่อนโยน​ต่อ​กัน?

7 คัมภีร์​ไบเบิล​มี​คำ​แนะ​นำ​ที่​ดี​ที่​ช่วย​ให้​คู่​สมรส​มอง​เรื่อง​การ​มี​เพศ​สัมพันธ์​อย่าง​เหมาะ​สม (อ่าน 1 โครินธ์ 7:3-5) ทั้ง​สามี​และ​ภรรยา​ต้อง​คิด​ถึง​ความ​รู้สึก​และ​ความ​ต้องการ​ของ​อีก​ฝ่าย​หนึ่ง ถ้า​สามี​ไม่​แสดง​ความ​อ่อนโยน ภรรยา​ก็​อาจ​รู้สึก​ไม่​มี​ความ​สุข​กับ​การ​มี​เพศ​สัมพันธ์ สามี​ควร​ปฏิบัติ​กับ​ภรรยา “ด้วย​ความ​เข้าใจ” (1 ปต. 3:7) เพศ​สัมพันธ์​ไม่​ควร​เกิด​จาก​การ​บังคับ​หรือ​ฝืน​ใจ​ทำ​เพราะ​ถูก​เรียก​ร้อง แต่​ควร​เป็น​ไป​ตาม​ธรรมชาติ ส่วน​ใหญ่​แล้ว​ผู้​ชาย​จะ​เกิด​ความ​ต้องการ​ได้​เร็ว​กว่า​ผู้​หญิง​เมื่อ​ถูก​กระตุ้น​ให้​มี​เพศ​สัมพันธ์ ถึง​อย่าง​นั้น ทั้ง​คู่​ควร​รอ​ให้​ถึง​เวลา​ที่​ทั้ง​สอง​คน​ต้องการ​จริง ๆ

8 คัมภีร์​ไบเบิล​ไม่​ได้​บอก​เฉพาะ​เจาะจง​ว่า​สามี​และ​ภรรยา​ควร​ทำ​อย่าง​ไร​เพื่อ​กระตุ้น​ให้​อีก​ฝ่าย​เกิด​ความ​ต้องการ​ทาง​เพศ​และ​มี​เพศ​สัมพันธ์ แต่​คัมภีร์​ไบเบิล​ก็​พูด​ถึง​การ​แสดง​ความ​รัก​แบบ​นั้น (พซม. 1:2; 2:6) คู่​สมรส​ควร​ปฏิบัติ​ต่อ​กัน​ด้วย​ความ​อ่อนโยน

9. ทำไม​เรา​ต้อง​ไม่​ยอม​ให้​ใคร​หรือ​อะไร​มา​ทำ​ให้​ชีวิต​คู่​ของ​เรา​หรือ​ของ​คน​อื่น​มี​ปัญหา?

9 ถ้า​เรา​รัก​พระเจ้า รัก​คู่​ของ​เรา และ​รัก​คน​อื่น เรา​จะ​ไม่​ยอม​ให้​ใคร​หรือ​อะไร​มา​ทำ​ให้​ชีวิต​คู่​ของ​เรา​หรือ​ของ​คน​อื่น​มี​ปัญหา บาง​คน​ติด​สื่อ​ลามก เขา​ทำ​ให้​ชีวิต​คู่​ของ​เขา​แย่​ลง​หรือ​อาจ​ถึง​ขั้น​แตก​หัก เรา​ต้อง​ต่อ​สู้​กับ​ความ​เย้า​ยวน​ของ​สื่อ​ลามก​หรือ​อะไร​ก็​ตาม​ที่​เน้น​เรื่อง​เพศ​แบบ​ผิด ๆ นอก​จาก​นั้น เรา​ต้อง​ไม่​ทำ​อะไร​ที่​อาจ​ดู​เหมือน​ว่า​เรา​กำลัง​จีบ​หรือ​ให้​ความ​สนใจ​คน​อื่น​ที่​ไม่​ใช่​คู่​ของ​เรา การ​ทำ​แบบ​นี้​ไม่​ได้​เป็น​การ​แสดง​ความ​รัก เรา​ต้อง​จำ​ไว้​เสมอ​ว่า​พระเจ้า​รู้​ทุก​อย่าง​ที่​เรา​คิด​และ​ทำ นี่​ช่วย​ให้​เรา​ซื่อ​สัตย์​กับ​คู่​ของ​เรา​และ​หนักแน่น​ที่​จะ​ทำ​สิ่ง​ต่าง ๆ ที่​พระองค์​พอ​ใจ—อ่าน​มัทธิว 5:27, 28; ฮีบรู 4:13

เมื่อ​มี​ปัญหา​เกิด​ขึ้น

10, 11. (ก) ใน​สมัย​นี้ การ​หย่า​กัน​มี​มาก​ขนาด​ไหน? (ข) คัมภีร์​ไบเบิล​บอก​ไว้​อย่าง​ไร​เกี่ยว​กับ​การ​แยก​กัน​อยู่? (ค) อะไร​จะ​ช่วย​ให้​คู่​สมรส​ไม่​ด่วน​ตัดสิน​ใจ​แยก​กัน​อยู่?

10 เมื่อ​มี​ปัญหา​ร้ายแรง​เกิด​ขึ้น คู่​สมรส​บาง​คู่​อาจ​ตัดสิน​ใจ​แยก​กัน​อยู่​หรือ​หย่า ใน​บาง​ประเทศ​มี​คู่​สมรส​มาก​กว่า​ครึ่ง​หนึ่ง​ที่​ชีวิต​คู่​ต้อง​จบ​ลง​ด้วย​การ​หย่า แน่นอน เรื่อง​แบบ​นี้​ไม่​ได้​เกิด​ขึ้น​บ่อย ๆ ใน​ประชาคม​คริสเตียน ถึง​อย่าง​นั้น ก็​ยัง​มี​คู่​สมรส​ที่​เป็น​คริสเตียน​จำนวน​มาก​ขึ้น​ที่​มี​ปัญหา​ร้ายแรง​ใน​ชีวิต​คู่

11 คัมภีร์​ไบเบิล​ให้​คำ​แนะ​นำ​ว่า “ภรรยา​ไม่​ควร​ไป​จาก​สามี แต่​ถ้า​เธอ​ไป​จาก​เขา ก็​อย่า​แต่งงาน​ใหม่ หรือ​ไม่​ก็​ให้​กลับ​ไป​คืน​ดี​กับ​สามี ส่วน​สามี​ก็​ไม่​ควร​ทิ้ง​ภรรยา” (1 คร. 7:10, 11) เรา​ไม่​ควร​มอง​ว่า​การ​แยก​กัน​อยู่​เป็น​เรื่อง​เล่น ๆ ถึง​แม้​ว่า​การ​แยก​กัน​อยู่​อาจ​ดู​เหมือน​เป็น​ทาง​แก้​ปัญหา​ร้ายแรง​ที่​เกิด​ขึ้น แต่​หลาย​ครั้ง​การ​ทำ​อย่าง​นี้​กลับ​สร้าง​ปัญหา​มาก​ขึ้น ตอน​ที่​พระ​เยซู​พูด​ถึง​สิ่ง​ที่​พระเจ้า​บอก​เกี่ยว​กับ​การ​สมรส​ครั้ง​แรก ท่าน​บอก​ว่า “สิ่ง​ที่​พระเจ้า​ผูก​ไว้​คู่​กัน​แล้ว อย่า​ให้​มนุษย์​ทำ​ให้​แยก​จาก​กัน​เลย” (มธ. 19:3-6; ปฐก. 2:24) ดัง​นั้น พระ​ยะโฮวา​อยาก​ให้​สามี​และ​ภรรยา​อยู่​ด้วย​กัน​ตลอด​ชีวิต (1 คร. 7:39) เรา​ทุก​คน​ต้อง​จำ​ไว้​เสมอ​ว่า​เรา​ต้อง​ให้​การ​กับ​พระเจ้า​เกี่ยว​กับ​สิ่ง​ที่​เรา​ทำ การ​คิด​แบบ​นี้​จะ​ช่วย​ให้​เรา​รีบ​แก้​ปัญหา​ก่อน​ที่​เรื่อง​จะ​บานปลาย​จน​กลาย​เป็น​ปัญหา​ร้ายแรง

12. อะไร​อาจ​ทำ​ให้​เกิด​ปัญหา​ใน​ชีวิต​คู่​จน​ถึง​ขั้น​ที่​พวก​เขา​คิด​จะ​แยก​กัน​อยู่?

12 ทำไม​คู่​สมรส​บาง​คู่​ถึง​เจอ​กับ​ปัญหา​ร้ายแรง? หลาย​ครั้ง​ก็​เพราะ​พวก​เขา​ถูก​เลี้ยง​ดู​มา​ไม่​เหมือน​กัน และ​มี​วิธี​แสดง​อารมณ์​ความ​รู้สึก​ไม่​เหมือน​กัน ส่วน​บาง​คน​พอ​ชีวิต​คู่​ของ​เขา​ไม่​ได้​เป็น​แบบ​ที่​เขา​คาด​หวัง​ไว้ เขา​ก็​รู้สึก​ผิด​หวัง​หรือ​โกรธ นอก​จาก​นั้น บาง​คู่​ยัง​มี​ปัญหา​กับ​พ่อ​แม่​หรือ​ครอบครัว​ของ​อีก​ฝ่าย​หนึ่ง หรือ​ปัญหา​เกี่ยว​กับ​วิธี​ใช้​เงิน​หรือ​วิธี​เลี้ยง​ลูก ถึง​แม้​จะ​มี​ปัญหา​ต่าง ๆ เหล่า​นี้ เรา​ดีใจ​ที่​เห็น​ว่า​คู่​สมรส​คริสเตียน​ส่วน​ใหญ่​สามารถ​แก้​ปัญหา​ต่าง ๆ ได้​เพราะ​พวก​เขา​ยอม​ให้​พระเจ้า​ชี้​นำ

13. อะไร​เป็น​เหตุ​ผล​ที่​คู่​สมรส​จะ​แยก​กัน​อยู่​ได้?

13 มี​บาง​เหตุ​ผล​ที่​คู่​สมรส​สามารถ​เลือก​ที่​จะ​แยก​กัน​อยู่​ได้ คือ ถ้า​อีก​ฝ่าย​หนึ่ง​จงใจ​ไม่​เลี้ยง​ดู ทำ​ร้าย​ร่าง​กาย​อย่าง​รุนแรง หรือ​ทำ​บาง​อย่าง​ที่​ทำ​ให้​ไม่​สามารถ​รับใช้​พระเจ้า​ได้ ถ้า​สภาพ​เหล่า​นี้​เลว​ร้าย​จน​ถึง​ขีด​สุด คริสเตียน​อาจ​เลือก​ที่​จะ​แยก​กัน​อยู่ ถึง​อย่าง​นั้น เวลา​มี​ปัญหา​ร้ายแรง​เกิด​ขึ้น คู่​สมรส​ควร​ขอ​ความ​ช่วยเหลือ​จาก​ผู้​ดู​แล พวก​ผู้​ดู​แล​มี​ประสบการณ์​มาก​และ​สามารถ​ช่วย​คู่​สมรส​ให้​ใช้​คำ​แนะ​นำ​ของ​พระเจ้า​ใน​ชีวิต​ได้ นอก​จาก​นั้น คู่​สมรส​ควร​อธิษฐาน​ขอ​พลัง​บริสุทธิ์​จาก​พระ​ยะโฮวา พลัง​นั้น​จะ​ช่วย​พวก​เขา​ให้​ใช้​หลักการ​ต่าง ๆ ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​และ​แสดง​ลักษณะ​นิสัย​ที่​ดี​แบบ​คริสเตียน—กท. 5:22, 23 [2]

14. คัมภีร์​ไบเบิล​บอก​ไว้​อย่าง​ไร​เกี่ยว​กับ​คริสเตียน​ที่​แต่งงาน​กับ​คน​ที่​ไม่​ได้​นมัสการ​พระ​ยะโฮวา?

14 คัมภีร์​ไบเบิล​ให้​เหตุ​ผล​ว่า​ทำไม​เป็น​เรื่อง​ที่​ดี​ที่​คู่​สมรส​จะ​อยู่​ด้วย​กัน​ถึง​แม้​อีก​ฝ่าย​หนึ่ง​ไม่​ได้​นมัสการ​พระ​ยะโฮวา (อ่าน 1 โครินธ์ 7:12-14) ฝ่าย​ที่​ไม่​เป็น​พยาน​ฯ​จะ “บริสุทธิ์” เพราะ​เขา​แต่งงาน​กับ​ผู้​รับใช้​ของ​พระเจ้า ลูก ๆ ของ​พวก​เขา​ก็​จะ “บริสุทธิ์” และ​ได้​รับ​การ​ปก​ป้อง​จาก​พระเจ้า เปาโล​กระตุ้น​คู่​สมรส​คริสเตียน​ว่า “คุณ​ที่​เป็น​ภรรยา ถ้า​คุณ​อยู่​กับ​สามี​ต่อ​ไป คุณ​อาจ​จะ​ช่วย​เขา​ให้​รอด​ก็​ได้ คุณ​ที่​เป็น​สามี ถ้า​คุณ​อยู่​กับ​ภรรยา​ต่อ​ไป คุณ​อาจ​จะ​ช่วย​เธอ​ให้​รอด​ก็​ได้” (1 คร. 7:16) เรา​เห็น​ตัว​อย่าง​ที่​ดี​ของ​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​หลาย​คน​ที่​ได้​ช่วย​คู่​ของ​เขา​ให้​มา​รับใช้​พระ​ยะโฮวา

15, 16. (ก) คัมภีร์​ไบเบิล​มี​คำ​แนะ​นำ​อะไร​สำหรับ​ภรรยา​คริสเตียน​ที่​สามี​ไม่​ได้​รับใช้​พระเจ้า? (ข) “ถ้า​ฝ่าย​ที่​ไม่​มี​ความ​เชื่อ​อยาก​จะ​แยก​ไป” ฝ่าย​ที่​เป็น​คริสเตียน​ควร​ทำ​อย่าง​ไร?

15 อัครสาวก​เปโตร​แนะ​นำ​คริสเตียน​ที่​เป็น​ภรรยา​ให้​ยอม​อยู่​ใต้​อำนาจ​สามี ‘เพื่อ​ว่า​ถ้า​สามี​ไม่​เชื่อ​ถ้อย​คำ​ของ​พระเจ้า ความ​ประพฤติ​ของ​เธอ​ก็​อาจ​ชนะ​ใจ​เขา​ได้​โดย​ไม่​ต้อง​ใช้​คำ​พูด เพราะ​เขา​ได้​เห็น​ความ​ประพฤติ​ที่​ดี​และ​ความ​นับถือ​จาก​ใจ​ของ​เธอ’ การ​ที่​ภรรยา​มี “ใจ​ที่​สงบ​และ​อ่อนโยน​ซึ่ง​มี​ค่า​มาก​ใน​สายตา​พระเจ้า” จะ​ช่วย​ให้​สามี​ตอบรับ​ความ​จริง​มาก​กว่า​ที่​เธอ​เอา​แต่​พูด​เกี่ยว​กับ​ความ​เชื่อ​ของ​ตัว​เอง—1 ปต. 3:1-4

16 แล้ว​ถ้า​ฝ่าย​ที่​ไม่​ได้​เป็น​พยาน​ฯ​เลือก​ที่​จะ​แยก​กัน​อยู่​ล่ะ? คัมภีร์​ไบเบิล​บอก​ว่า “ถ้า​ฝ่าย​ที่​ไม่​มี​ความ​เชื่อ​อยาก​จะ​แยก​ไป​ก็​ให้​เขา​ไป​เถอะ เมื่อ​เป็น​อย่าง​นั้น ฝ่าย​ที่​มี​ความ​เชื่อ​ก็​ไม่​มี​ข้อ​ผูก​มัด​ที่​จะ​อยู่​กับ​เขา​ต่อ​ไป เพราะ​พระเจ้า​เรียก​คุณ​มา​เพื่อ​ให้​อยู่​อย่าง​สงบ​สุข” (1 คร. 7:15) ฝ่าย​ที่​เป็น​คริสเตียน​ไม่​จำเป็น​ต้อง​พยายาม​ยื้อ​ให้​คู่​สมรส​อยู่​กับ​เขา ถึง​แม้​การ​แยก​กัน​อยู่​อาจ​ช่วย​ให้​ครอบครัว​มี​ความ​สงบ​สุข​อยู่​บ้าง แต่​คัมภีร์​ไบเบิล​บอก​ว่า​ฝ่าย​ที่​เป็น​คริสเตียน​ไม่​มี​อิสระ​ที่​จะ​แต่งงาน​ใหม่ เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป ฝ่าย​ที่​ไม่​ได้​เป็น​พยาน​ฯ​อาจ​ตัดสิน​ใจ​กลับ​มา​อยู่​ด้วย​กัน​อีก และ​ใน​อนาคต เขา​อาจ​ถึง​กับ​เปลี่ยน​มา​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ก็​ได้

สิ่ง​ที่​สำคัญ​ที่​สุด​ใน​ชีวิต​คู่

การ​ให้​พระเจ้า​สำคัญ​ที่​สุด​จะ​ช่วย​ให้​เรา​มี​ชีวิต​คู่​ที่​มี​ความ​สุข​มาก​ขึ้น (ดู​ข้อ 17)

17. อะไร​ควร​เป็น​สิ่ง​ที่​สำคัญ​ที่​สุด​สำหรับ​คริสเตียน​ที่​แต่งงาน​แล้ว?

17 พวก​เรา​มี​ชีวิต​อยู่​ใน​ตอน​ท้าย ๆ ของ “สมัย​สุด​ท้าย” ซึ่ง​เป็น “ช่วง​เวลา​วิกฤติ​ที่​มี​แต่​ความ​ยุ่งยาก​ลำบาก” (2 ทธ. 3:1-5) นี่​เป็น​เหตุ​ผล​ที่​เรา​ต้อง​มี​ความ​สัมพันธ์​ที่​ใกล้​ชิด​กับ​พระ​ยะโฮวา​เพื่อ​จะ​ได้​รับ​การ​ปก​ป้อง​จาก​อิทธิพล​ที่​ไม่​ดี​ของ​โลก เปาโล​บอก​ว่า “เวลา​เหลือ​น้อย​แล้ว” และ “ต่อ​ไป​นี้ ให้​คน​ที่​มี​ภรรยา​เป็น​เหมือน​คน​ที่​ไม่​มี . . . และ​ให้​คน​ที่​ใช้​ประโยชน์​จาก​โลก​นี้​เป็น​เหมือน​คน​ที่​ไม่​ใช้​อย่าง​เต็ม​ที่” (1 คร. 7:29-31) เปาโล​ไม่​ได้​บอก​ให้​ทอดทิ้ง​หรือ​ไม่​ใส่​ใจ​คู่​สมรส แต่​เนื่อง​จาก​เรา​มี​ชีวิต​อยู่​ใน​สมัย​สุด​ท้าย เรา​จึง​ต้อง​ให้​ความ​สำคัญ​กับ​การ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ก่อน—มธ. 6:33

18. ทำไม​ถึง​เป็น​ไป​ได้​ที่​เรา​จะ​มี​ชีวิต​คู่​ที่​มี​ความ​สุข​และ​ประสบ​ความ​สำเร็จ?

18 ใน​สมัย​ที่​ยุ่งยาก​นี้ เรา​เห็น​ชีวิต​คู่​ของ​หลาย​คน​ล้มเหลว ดัง​นั้น เป็น​ไป​ได้​จริง ๆ ไหม​ที่​เรา​จะ​มี​ชีวิต​คู่​ที่​มี​ความ​สุข​และ​ประสบ​ความ​สำเร็จ? ได้​สิ ถ้า​เรา​ใกล้​ชิด​กับ​พระ​ยะโฮวา​และ​ผู้​รับใช้​ของ​พระองค์​เสมอ พยายาม​ใช้​หลักการ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล และ​ทำ​ตาม​การ​ชี้​นำ​ของ​พลัง​บริสุทธิ์​ของ​พระ​ยะโฮวา เมื่อ​เรา​ทำ​อย่าง​นี้​เรา​ก็​จะ​ให้​เกียรติ “สิ่ง​ที่​พระเจ้า​ผูก​ไว้​คู่​กัน​แล้ว”—มก. 10:9

^ [1] (ข้อ 5) ชื่อ​ใน​บทความ​นี้​เป็น​ชื่อ​สมมุติ

^ [2] (ข้อ 13) ดู​ภาค​ผนวก​เรื่อง “ทัศนะ​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​เกี่ยว​กับ​การ​หย่าร้าง​และ​การ​แยก​กัน​อยู่” ใน​หนังสือ เป็น​ที่​รัก​ของ​พระเจ้า​เสมอน. 219-221