พระยะโฮวาประสงค์ให้เราทำอะไร?
จงใกล้ชิดพระเจ้า
พระยะโฮวาประสงค์ให้เราทำอะไร?
จะเชื่อฟังหรือไม่เชื่อฟัง—ไม่ง่ายเสมอไปที่จะตัดสินใจ. เมื่อคนที่มีอำนาจเข้มงวดหรือเรียกร้องมากเกินไป คนที่อยู่ใต้อำนาจย่อมจะเชื่อฟังแบบไม่เต็มใจ. แต่พระยะโฮวาพระเจ้าได้รับการเชื่อฟังอย่างเต็มใจจากผู้นมัสการพระองค์. เพราะเหตุใด? เพื่อจะได้คำตอบ ให้เราพิจารณาคำกล่าวของโมเซที่พระบัญญัติ 10:12, 13. *
เมื่อสรุปข้อเรียกร้องต่าง ๆ ของพระเจ้า โมเซได้ยกคำถามที่น่าสนใจข้อหนึ่งขึ้นมาว่า “พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงประสงค์ให้ท่านกระทำอย่างไร”? (ข้อ 12, ฉบับ R73) พระเจ้าทรงมีสิทธิ์จะขอให้เราทำอะไรก็ได้ตามที่พระองค์ประสงค์. ที่จริง พระองค์ทรงเป็นองค์ใหญ่ยิ่งสูงสุดทั้งยังเป็นผู้ให้กำเนิดและผู้ค้ำจุนชีวิต. (บทเพลงสรรเสริญ 36:9; ยะซายา 33:23) พระยะโฮวาทรงมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะเรียกร้องให้เราเชื่อฟัง. แต่พระองค์ไม่ต้องการให้เราเชื่อฟังเพราะถูกบังคับ. พระองค์ประสงค์สิ่งใดจากเรา? นั่นก็คือให้เรา “เต็มใจเชื่อฟัง.”—โรม 6:17
อะไรอาจกระตุ้นเราให้เต็มใจเชื่อฟังพระเจ้า? โมเซกล่าวถึงสิ่งหนึ่งโดยพูดว่า “ให้เกรงกลัวพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า.” * (ข้อ 12) ความเกรงกลัวนี้ไม่ใช่การกลัวแบบลนลานหรือกลัวว่าจะได้รับผลที่ไม่ดี แต่เป็นการยำเกรงพระเจ้าอย่างเหมาะสมและนับถือแนวทางของพระองค์. ถ้าเรารู้สึกเกรงขามพระเจ้าอย่างสุดซึ้ง เราก็จะไม่ทำสิ่งที่พระองค์ไม่พอพระทัย.
แต่อะไรควรเป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่ทำให้เราเชื่อฟังพระเจ้า? โมเซกล่าวว่า “รักและปฏิบัติพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าด้วยสุดจิตต์สุดใจของเจ้า.” (ข้อ 12) ความรักต่อพระเจ้าไม่ใช่เป็นเพียงอารมณ์ความรู้สึกเท่านั้น. หนังสืออ้างอิงเล่มหนึ่งอธิบายว่า “คำกริยาภาษาฮีบรูที่ใช้พรรณนาความรู้สึกบางครั้งยังหมายถึงการกระทำซึ่งเป็นผลมาจากความรู้สึกนั้นด้วย.” หนังสือเล่มเดียวกันนี้กล่าวว่า การรักพระเจ้าหมายถึง “การกระทำด้วยความรัก” ต่อพระองค์. พูดอีกอย่างหนึ่งคือ ถ้าเรารักพระเจ้าอย่างแท้จริง เราก็จะทำสิ่งต่าง ๆ อย่างที่พระองค์พอพระทัย.—สุภาษิต 27:11
เราควรเชื่อฟังพระเจ้าถึงขนาดไหน? โมเซกล่าวว่า “ดำเนินในทางทั้งปวงของ [พระเจ้า].” (ข้อ 12) พระยะโฮวาทรงประสงค์ให้เราทำทุกสิ่งที่พระองค์บอกให้เราทำ. เป็นไปได้ไหมที่การเชื่อฟังอย่างครบถ้วนเช่นนั้นไม่เป็นผลดีต่อเรา? เป็นไปไม่ได้เลย.
การเชื่อฟังด้วยความเต็มใจจะทำให้เราได้รับประโยชน์มากมาย. โมเซเขียนว่า “ให้รักษาพระบัญญัติ . . . ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้เพื่อประโยชน์ของท่านทั้งหลาย.” (ข้อ 13, ฉบับ R73) ใช่แล้ว พระบัญญัติทุกข้อของพระยะโฮวา ซึ่งก็คือทุกสิ่งที่พระองค์บอกให้เราทำนั้นเป็นประโยชน์ต่อเรา. จะเป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไร? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “พระเจ้าทรงเป็นความรัก.” (1 โยฮัน 4:8) ดังนั้น พระองค์จะบัญชาให้เราทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสวัสดิภาพถาวรของเราเท่านั้น. (ยะซายา 48:17) ถ้าเราทำทุกสิ่งที่พระเจ้าบอกให้เราทำ เราก็จะไม่เจอกับปัญหายุ่งยากใจหลายอย่างในปัจจุบัน และยังจะได้พระพรไม่รู้สิ้นสุดในอนาคตภายใต้การปกครองแห่งราชอาณาจักรของพระองค์. *
เมื่อพระเจ้าประสงค์ให้เราทำสิ่งใด เราจะเชื่อฟังหรือไม่เชื่อฟัง ทางเลือกที่ฉลาดสุขุมมีเพียงทางเดียวเท่านั้น. การเชื่อฟังอย่างครบถ้วนและด้วยความเต็มใจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเสมอ. การดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์เช่นนั้นจะทำให้เรายิ่งใกล้ชิดพระยะโฮวาพระเจ้าองค์เปี่ยมด้วยความรักผู้ทรงประสงค์ให้เราได้รับสิ่งดีที่สุด.
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 1 ถึงแม้ว่าโมเซกล่าวถ้อยคำเหล่านี้แก่ชาวอิสราเอลโบราณ แต่หลักการในคำกล่าวนั้นก็ใช้ได้กับทุกคนในทุกวันนี้ที่ต้องการทำให้พระเจ้าพอพระทัย.—โรม 15:4
^ วรรค 3 ในหนังสือพระบัญญัติตลอดทั้งเล่ม โมเซเน้นว่าความเกรงกลัวพระเจ้าควรเป็นหลักการที่ชี้นำชีวิตของผู้รับใช้พระองค์.—พระบัญญัติ 4:10; 6:13, 24; 8:6; 13:4; 31:12, 13
^ วรรค 6 สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดดูหนังสือคัมภีร์ไบเบิลสอนอะไรจริงๆ? บท 3 เรื่อง “พระเจ้ามีพระประสงค์เช่นไรต่อแผ่นดินโลก?” ซึ่งจัดพิมพ์โดยพยานพระยะโฮวา.