คุณ “มีการเลี้ยงอยู่เสมอ” ไหม?
“วันเวลาทั้งหมดของคนรับทุกข์เป็นที่เศร้าหมอง; แต่คนที่มีใจชื่นบานเปรียบเหมือนมีการเลี้ยงอยู่เสมอ.”—สุภาษิต 15:15
ถ้อยคำเหล่านี้มีความหมายเช่นไร? ข้อนี้กำลังพูดถึงสภาพจิตใจและอารมณ์ของคนเรา. “คนรับทุกข์” จะคิดลบอยู่ตลอดเวลา ทำให้ทุกวันของเขาเป็นวันที่ “เศร้าหมอง” หรือหดหู่. ในทางกลับกัน “คนที่มีใจชื่นบาน” จะพยายามคิดถึงแต่เรื่องดี ๆ ซึ่งทำให้เขาสุขใจเหมือน “มีการเลี้ยงอยู่เสมอ.”
เราทุกคนมีปัญหาหลายอย่างที่อาจบั่นทอนความสุขความยินดีในชีวิต. แต่เราอาจทำอะไรบางอย่างที่ช่วยรักษาความยินดีไว้ได้ในยามลำบาก. ให้เรามาดูว่าคัมภีร์ไบเบิลแนะนำอย่างไร.
อย่าปล่อยให้ความกังวลของวันพรุ่งนี้มาทำให้คุณทุกข์ใจในวันนี้. พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “อย่าวิตกกังวลกับพรุ่งนี้เลย เพราะว่าพรุ่งนี้ก็จะมีความวิตกกังวลของพรุ่งนี้. แต่ละวันมีความทุกข์พออยู่แล้ว.”—มัดธาย 6:34
พยายามคิดถึงเรื่องดี ๆ ที่เกิดขึ้นกับคุณ. เมื่อไรก็ตามที่คุณรู้สึกแย่ ลองหยิบกระดาษมาเขียนดูว่ามีเรื่องดี ๆ อะไรบ้างในชีวิตของคุณ แล้วใคร่ครวญเรื่องเหล่านั้น. นอกจากนั้น อย่าคิดถึงแต่ความผิดพลาดหรือเรื่องเลวร้ายที่เคยทำในอดีต. จงเรียนรู้จากชีวิตที่ผ่านมาแล้วเดินหน้าต่อไป. ขอให้เป็นเหมือนคนขับรถที่เพียงแต่เหลือบดู กระจกมองหลัง ไม่ใช่จ้องมอง อยู่ตลอดเวลา. โปรดจำไว้ด้วยว่า “[พระเจ้า] ทรงมีการอภัยโทษ.”—บทเพลงสรรเสริญ 130:4
เมื่อความกังวลทำให้คุณรู้สึกหดหู่ท้อแท้ คุณน่าจะปรับทุกข์กับใครสักคนที่พร้อมจะให้กำลังใจคุณ. สุภาษิต 12:25 บอกว่า “ความหนักใจทำให้คนท้อใจลง; แต่คำปรานี ทำให้คนเบิกบานใจ.” คุณอาจได้รับ “คำปรานี” จากคนในครอบครัวหรือเพื่อนที่คุณไว้ใจซึ่งไม่ใช่คนคิดลบหรือมองโลกในแง่ร้าย แต่ “มีความรักความหวังดีให้ทุกเวลา.”—สุภาษิต 17:17, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย
คำเตือนสติที่พบในคัมภีร์ไบเบิลได้ช่วยหลายคนให้มีความสุขในชีวิตมากขึ้น แม้ในยามที่ทุกข์ใจหรือมีปัญหา. ขอให้คำเตือนสติที่มีค่าเหล่านี้ช่วยคุณเช่นกัน.