ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

อับโบรลยูส—ประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม

อับโบรลยูส—ประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม

อับโบรลยูส—ประสบการณ์​ที่​ไม่​มี​วัน​ลืม

โดย​ผู้​เขียน​ตื่นเถิด! ใน​บราซิล

ใน​ศตวรรษ​ที่ 16 กะลาสี​ซึ่ง​เดิน​เรือ​เข้า​มา​ใกล้​พืด​หิน​ปะการัง​นอก​ชายฝั่ง​รัฐ​บาเอีย ประเทศ​บราซิล ร้อง​เตือน​เพื่อน​กะลาสี​ด้วย​กัน​ว่า “อับรา โอส โอลยูส!” (ดู​ให้​ดี!) มี​การ​เล่า​ขาน​กัน​มา​ว่า คำ​เตือน​ที่​ร้อง​ซ้ำ ๆ กัน​นี้​ได้​กลาย​มา​เป็น​ชื่อ​ของ​เกาะ​เล็ก ๆ ห้า​เกาะ​ใน​เขต​นี้ นั่น​คือ​กลุ่ม​เกาะ​อับโบรลยูส.

กลุ่ม​เกาะ​อับโบรลยูส​ตั้ง​อยู่​ใน​มหาสมุทร​แอตแลนติก​ใต้ ห่าง​จาก​เมือง​ชายฝั่ง​การาเวลัส​กับ​อัลโกบาซา​เพียง 80 กิโลเมตร. อย่าง​ไร​ก็​ตาม กลุ่ม​เกาะ​นี้​มี​พืด​หิน​ปะการัง​ล้อม​รอบ​อยู่​และ​ทำ​ให้​มัน​ถูก​แยก​อยู่​โดด​เดี่ยว. ปะการัง​ที่​ไม่​ปรากฏ​ใน​แผนที่​รวม​ทั้ง​พายุ​อัน​รุนแรง​แห่ง​มหาสมุทร​แอตแลนติก​ก็​เพียง​พอ​แล้ว​ที่​จะ​ยับยั้ง​กะลาสี​ส่วน​ใหญ่​ไม่​ให้​เสี่ยง​เข้า​มา​ใกล้​บริเวณ​นี้ หาก​ไม่​มี​สิ่ง​ล้ำ​ค่า​ที่​น่า​ดึงดูด​ใจ​ทาง​เศรษฐกิจ นั่น​คือ​ปลา​วาฬ​หลัง​ค่อม.

การ​ล่า​และ​การ​ดู​ปลา​วาฬ​หลัง​ค่อม

ปลา​วาฬ​แห่ง​กลุ่ม​เกาะ​อับโบรลยูส​กลาย​เป็น​แหล่ง​ทำ​ราย​ได้​หลัก​ของ​เมือง​ต่าง ๆ ที่​มี​การ​จับ​ปลา​ตาม​แถบ​ชายฝั่ง​ใน​ช่วง​ศตวรรษ​ที่ 19. หลัง​จาก​เข้า​ร่วม​พิธี​มิสซา​พิเศษ​ซึ่ง​บาทหลวง​ใน​ท้องถิ่น​จะ​ให้​พร​แก่​เรือ​ประมง นัก​ล่า​ปลา​วาฬ​ก็​จะ​พาย​เรือ​หรือ​แล่น​เรือใบ​เปิด​ประทุน​ลำ​เล็ก ๆ ไป​ยัง​กลุ่ม​เกาะ​นี้. พวก​เขา​ฆ่า​สัตว์​ขนาด​ยักษ์​เหล่า​นี้​ได้​โดย​วิธี​ใด? พวก​เขา​ใช้​ประโยชน์​จาก​สัญชาตญาณ​ความ​เป็น​แม่​ของ​ปลา​วาฬ. นัก​ล่า​ปลา​วาฬ​จะ​ยิง​ฉมวก​ใส่​ลูก​ปลา​วาฬ​ก่อน​แล้ว​จึง​ใช้​มัน​เป็น​เหยื่อ​ล่อ​ให้​แม่​ปลา​วาฬ​เข้า​มา​ใกล้ ๆ. ปลา​วาฬ​ที่​พวก​เขา​ฆ่า​ก็​จะ​ถูก​ลาก​กลับ​เข้า​ฝั่ง​เพื่อ​เอา​ไป​สกัด​น้ำมัน​ที่​มี​ราคา​แพง​ใน​โรง​งาน​แปรรูป​ปลา​วาฬ​หนึ่ง​ใน​หก​แห่ง​ของ​เมือง​การาเวลัส.

อย่าง​ไร​ก็​ตาม เมื่อ​ตลาด​น้ำมัน​ปลา​วาฬ​ล้ม​ใน​ตอน​กลาง​ศตวรรษ​ที่ 19 อุตสาหกรรม​ล่า​ปลา​วาฬ​จึง​ซบเซา​ลง. หลัง​จาก​ถูก​ล่า​มา​หลาย​สิบ​ปี พอ​ถึง​ศตวรรษ​ที่ 20 แทบ​จะ​พูด​ได้​ว่า​ปลา​วาฬ​หลัง​ค่อม​ไม่​ได้​กลับ​ไป​ผสม​พันธุ์​ที่​กลุ่ม​เกาะ​อับโบรลยูส​อีก​ต่อ​ไป. ผล​ก็​คือ การ​ล่า​ปลา​วาฬ​รอบ ๆ หมู่​เกาะ​นี้​จึง​ค่อย ๆ เลิก​รา​ไป. ครั้ง​สุด​ท้าย​ที่​มี​การ​ยิง​ปลา​วาฬ​คือ​ใน​ปี 1929.

ประวัติศาสตร์​ตอน​ใหม่​ของ​กลุ่ม​เกาะ​อับโบรลยูส​เริ่ม​ขึ้น​ใน​ปี 1983 เมื่อ​เกาะ​ทั้ง​ห้า​ใน​กลุ่ม​เกาะ​นี้​รวม​ทั้ง​พืด​หิน​ใต้​น้ำ​อับโบรลยูส ซึ่ง​มี​พื้น​ที่​ทั้ง​หมด 910 ตาราง​กิโลเมตร ได้​รับ​การ​ประกาศ​ให้​เป็น​อุทยาน​แห่ง​ชาติ​ทาง​ทะเล. แทบ​ไม่​มี​รายงาน​ใด ๆ เกี่ยว​กับ​ปลา​วาฬ​มา​เป็น​เวลา 50 ปี แต่​ใน​ปี 1987 นัก​วิจัย​ได้​รายงาน​ว่า​มี​การ​พบ​เห็น​ปลา​วาฬ​ใน​น่าน​น้ำ​ของ​อุทยาน​แห่ง​ชาติ​และ​ตัดสิน​ใจ​จะ​ตรวจ​สอบ​เพิ่ม​เติม. พวก​เขา​รู้สึก​ประหลาด​ใจ​ที่​ค้น​พบ​ว่า​ปลา​วาฬ​หลัง​ค่อม​ได้​กลับ​มา​ผสม​พันธุ์​รอบ ๆ เกาะ​เหล่า​นี้​อีก​ครั้ง​หนึ่ง.

ข่าว​เรื่อง​การ​กลับ​มา​ของ​ปลา​วาฬ​พร้อม​ด้วย​ชื่อเสียง​ที่​เพิ่ม​ขึ้น​ของ​กลุ่ม​เกาะ​อับโบรลยูส​ที่​เป็น​ดั่ง​อุทยาน​ที่​สาบสูญ​ไป เริ่ม​ดึงดูด​นัก​ท่อง​เที่ยว​จำนวน​เล็ก​น้อย​ให้​มา​เยือน. เช้า​วัน​หนึ่ง​ที่​สดใส​ใน​ฤดู​ร้อน ครอบครัว​หนึ่ง​ได้​ขึ้น​เรือ​ประมง​ลำ​เล็ก​ใน​เมือง​การาเวลัส​และ​มุ่ง​หน้า​ไป​ยัง​กลุ่ม​เกาะ​อับโบรลยูส ซึ่ง​ต้อง​ใช้​เวลา​เดิน​ทาง​หก​ชั่วโมง. คน​หนึ่ง​ใน​กลุ่ม​นั้น​ได้​เล่า​ถึง​การ​ไป​เยือน​กลุ่ม​เกาะ​นี้.

กำแพง​หมวก​ใบ​ใหญ่

“ขณะ​ที่​มาโน​เอล คน​ขับ​เรือ​ของ​เรา​นำ​เรือ​ผ่าน​รีฟ ออฟ วอลส์ (กำแพง​พืด​หิน​ใต้​น้ำ) ผม​จึง​ได้​เข้าใจ​ว่า​ทำไม​กะลาสี​ชาว​โปรตุเกส​ใน​ยุค​แรก ๆ จึง​กลัว​ทะเล​แถบ​นี้. เสา​ปะการัง​หลาก​สี​ที่​สูง​เกือบ 20 เมตร​และ​กว้าง 50 เมตร​ใกล้​กับ​ผิว​น้ำ ผุด​ขึ้น​มา​จาก​พื้น​ทะเล. เนื่อง​จาก​เป็น​รูป​กรวย​ที่​มี​ยอด​ปัก​ลง คน​ใน​ท้องถิ่น​จึง​ตั้ง​ชื่อ​มัน​ว่า หมวก​ใบ​ใหญ่. ใต้​น้ำ เสา​ปะการัง​หลาย​เสา​เชื่อม​ต่อ​กัน​จน​กลาย​เป็น​ซุ้ม​โค้ง​และ​ทาง​เดิน​ขนาด​มหึมา​และ​ถึง​กับ​เป็น​กำแพง​ยาว 20 กิโลเมตร​ซึ่ง​โผล่​พ้น​ผิว​น้ำ​เป็น​ลาน​พืด​หิน. ทั้ง​หมด​นี้​คือ​กำแพง​ของ​รีฟ ออฟ วอลส์.

“หลัง​จาก​ผ่าน​พืด​หิน​ใต้​น้ำ​มา เรา​ก็​เห็น​กลุ่ม​เกาะ​อับโบรลยูส​อยู่​ที่​ขอบ​ฟ้า. จาก​ระยะ​ไกล เกาะ​ทั้ง​ห้า​ดู​เหมือน​ลิ่ม​ขัด​บาน​ประตู​ขนาด​ยักษ์​ลอย​อยู่​ใน​ทะเล. นัก​ธรณี​วิทยา​บอก​ว่า ใน​อดีต​อัน​แสน​เนิ่นนาน แรง​ดัน​ของ​ลาวา​ที่​พุ่ง​ทะลัก​ออก​มา​ได้​ดัน​ให้​ชั้น​หิน​ขนาด​ยักษ์​เหล่า​นี้​โผล่​ขึ้น​มา​จาก​พื้น​ทะเล. ผล​ก็​คือ เกาะ​เหล่า​นี้​ทุก​เกาะ​จึง​มี​ลักษณะ​ภูมิ​ประเทศ​คล้าย​กัน​หมด คือ มี​หน้าผา​สูง​ชัน​ยื่น​ออก​ไป​ใน​ทะเล​ทาง​ด้าน​ตะวัน​ออก​เฉียง​ใต้ และ​ค่อย ๆ ลาด​ลง​สู่​ชาย​หาด​แคบ ๆ ทาง​ด้าน​ตะวัน​ตก​เฉียง​ใต้.

“ถึง​ตอน​นี้​เรา​สามารถ​มอง​เห็น​ประภาคาร​และ​แนว​บ้าน​พัก​สอง​ชั้น​ที่​กระจัด​กระจาย​อยู่​อย่าง​ไม่​เป็น​ระเบียบ​บน​เกาะ​ที่​ใหญ่​ที่​สุด คือ​เกาะ​ซานตา​บาร์บารา. เจ้าหน้าที่​จาก​สถาบัน​สิ่ง​แวด​ล้อม​และ​ทรัพยากร​ธรรมชาติ​ทดแทน​ได้​แห่ง​บราซิล (ไอ​บี​เอ​เอ็ม​เอ) รวม​ทั้ง​ทหาร​เรือ​ฝ่าย​บก​ของ​บราซิล​ซึ่ง​อยู่​ใน​เกาะ​นี้​ต่าง​ก็​พึ่ง​อาศัย​เรือ​ขน​ส่ง​อาหาร​และ​เครื่อง​ใช้​ซึ่ง​มา​ที่​เกาะ​ทุก ๆ สอง​สัปดาห์. ไม่​ยาก​ที่​จะ​นึก​ภาพ​ว่า พวก​แพะ​บน​เกาะ​ก็​เฝ้า​รอ​การ​มา​ของ​เรือ​อย่าง​กระตือรือร้น​ด้วย เนื่อง​จาก​แพะ​เป็น​อาหาร​สำรอง​ยาม​ฉุกเฉิน​ของ​คน​ที่​อยู่​ใน​เกาะ. ไม่​มี​การ​อนุญาต​ให้​สร้าง​บ้าน​พัก, โรงแรม, บาร์, หรือ​ร้าน​อาหาร​บน​เกาะ. นัก​ท่อง​เที่ยว​ซึ่ง​ต้องการ​จะ​พัก​ค้าง​คืน​ต้อง​ทน​กับ​การ​นอน​บน​เรือ​ที่​จอด​อยู่​รอบ ๆ เกาะ.

“ขณะ​ที่​มาโน​เอล​หย่อน​สมอ​ลง​ด้วย​ความ​ระมัดระวัง โดย​คอย​ดู​ไม่​ให้​สมอ​ไป​ถูก​พืด​หิน​ปะการัง เจ้าหน้าที่ ไอ​บี​เอ​เอ็ม​เอ สอง​คน​ก็​ขึ้น​มา​บน​เรือ​ของ​เรา​และ​อธิบาย​กฎ​บาง​ข้อ​ของ​อุทยาน. นัก​ท่อง​เที่ยว​จะ​ไป​เยี่ยม​ชม​ได้​แค่​สอง​เกาะ คือ​เกาะ​ซิริบา​และ​เกาะ​เรดอน​ดา, ต้อง​ไป​ตาม​เส้น​ทาง​ที่​หมาย​ไว้, และ​ต้อง​มี​เจ้าหน้าที่​ไป​ด้วย​ตลอด​เวลา. ห้าม​ตก​ปลา​และ​ห้าม​เก็บ​สิ่ง​หนึ่ง​สิ่ง​ใด​กลับ​ไป​เป็น​ที่​ระลึก แม้​กระทั่ง​ก้อน​หิน​ที่​ชาย​หาด. การ​ดู​ปลา​วาฬ​ก็​มี​ข้อ​กำหนด​ที่​เข้มงวด​ด้วย. เรือ​จะ​เข้า​ใกล้​ปลา​วาฬ​ได้​ไม่​เกิน​สาม​ลำ และ​ห้าม​เรือ​เข้า​ใกล้​กว่า 100 เมตร. ถ้า​ปลา​วาฬ​เข้า​มา​ใกล้​เรือ ต้อง​ดับ​เครื่อง​ยนต์​และ​จะ​ติด​เครื่อง​ได้​อีก​ครั้ง​ก็​ต่อ​เมื่อ​ปลา​วาฬ​โผล่​ขึ้น​ผิว​น้ำ​แล้ว. เรือ​ต้อง​ออก​จาก​บริเวณ​นั้น​ทันที​ถ้า​ปลา​วาฬ​แสดง​ท่าที​ไม่​พอ​ใจ.”

ฝูง​นก​อัน​สวย​งาม

“ที่​นี่​มี​นก​อยู่​มาก​มาย. นก​ร่อน​ทะเล, นก​บู๊บบี้​หน้า​ดำ, นก​บู๊บบี้​สี​น้ำตาล, นก​โจร​สลัด​ใหญ่, และ​นก​นาง​นวล​แกลบ​ดำ ล้วน​มี​ที่​ผสม​พันธุ์​บน​กลุ่ม​เกาะ​อับโบรลยูส.

“ขณะ​ที่​เรา​ตะเกียกตะกาย​ข้าม​ชายฝั่ง​ที่​เต็ม​ไป​ด้วย​หิน​บน​เกาะ​ซิริบา​ใน​วัน​แรก​ที่​เรา​ไป​ถึง ชอร์แดน นัก​วิจัย​ของ ไอ​บี​เอ​เอ็ม​เอ คน​หนึ่ง ชี้​ให้​เรา​ดู​รัง​ของ​นก​บู๊บบี้​และ​นก​ร่อน​ทะเล​ปาก​แดง. นก​บู๊บบี้​ชอบ​ทำ​รัง​ที่​พื้น​โล่ง ๆ แต่​นก​ร่อน​ทะเล​ปาก​แดง​ชอบ​ทำ​รัง​ตาม​ซอก​หิน ซึ่ง​เป็น​ที่​กำบัง​ไม่​ให้​รัง​ของ​มัน​พลิก​คว่ำ​ได้​ง่าย ๆ เมื่อ​มี​ลม​แรง.

“นก​ที่​สวย​ที่​สุด​อย่าง​ไม่​มี​ข้อ​สงสัย​คือ​นก​โจร​สลัด ซึ่ง​มี​ขนาด​พอ ๆ กับ​แม่​ไก่. ใน​ฤดู​ผสม​พันธุ์ ถุง​คอ​ที่​เด่น​สะดุด​ตา​ของ​นก​ตัว​ผู้​จะ​เปลี่ยน​เป็น​สี​แดง​สด​และ​พอง​ขึ้น​เท่า​กับ​ขนาด​ของ​ลูก​ฟุตบอล. น่า​แปลก นก​โจร​สลัด​ต้อง​พึ่ง​อาศัย​ทะเล​แต่​มัน​กลับ​กลัว​น้ำ. มัน​มี​น้ำมัน​สำหรับ​แต่ง​ขน​เพียง​เล็ก​น้อย มัน​จึง​ไม่​สามารถ​ดำ​น้ำ​หา​ปลา​ได้​โดย​ที่​ไม่​เปียก.

“การ​ที่​นก​โจร​สลัด​มี​ขน​ที่​ไม่​สามารถ​กัน​น้ำ​ได้​ก็​ถูก​ชดเชย​โดย​ความ​สามารถ​ใน​การ​บิน​ของ​มัน. ด้วย​ปีก​อัน​น่า​ทึ่ง​ซึ่ง​มี​ระยะ​ระหว่าง​ปลาย​ปี​ถึง 2 เมตร มัน​สามารถ​ดัก​กระแส​ลม​อุ่น​ไว้​และ​ร่อน​อยู่​กลาง​อากาศ​ได้​โดย​แทบ​ไม่​ต้อง​กระพือ​ปีก​เลย ขณะ​ที่​คอย​มอง​หา​นก​บู๊บบี้ นัก​จับ​ปลา​ซึ่ง​เป็น​หุ้น​ส่วน​ที่​ไม่​ค่อย​จะ​เต็ม​ใจ​นัก​ของ​มัน. ทันที​ที่​นก​บู๊บบี้​จับ​ปลา​ได้ นก​โจร​สลัด​จะ​โฉบ​ลง​มา​และ​จู่​โจม​ด้วย​ปาก​ที่​เป็น​ตะขอ​ยาว บาง​ครั้ง​ก็​แย่ง​ปลา​ไป​จาก​ปาก​ของ​นก​บู๊บบี้​เลย​ด้วย​ซ้ำ. ถ้า​นก​บู๊บบี้​ที่​ตกใจ​กลัว​ทำ​ปลา​หล่น เจ้า​นก​โจร​สลัด​ก็​จะ​รีบ​พุ่ง​ตัว​ไป​คาบ​ปลา​ไว้​ได้​ก่อน​ที่​มัน​จะ​ตก​ถึง​น้ำ. แล้ว​ถ้า​นก​บู๊บบี้​กลืน​ปลา​ลง​ไป​ก่อน​ล่ะ? เคย​มี​การ​พบ​เห็น​เจ้า​นก​โจร​สลัด​จอม​อันธพาล​ไล่​นก​บู๊บบี้​และ​บังคับ​ให้​มัน​สำรอก​อาหาร​ออก​มา!”

ภาพ​ใต้​ทะเล

“วัน​ที่​สอง เรา​ไป​สำรวจ​โลก​ใต้​น้ำ. อุณหภูมิ​ของ​น้ำ​ที่​กลุ่ม​เกาะ​นี้​ไม่​เคย​ต่ำ​กว่า 24 องศา​เซลเซียส และ​ระยะ​ที่​มอง​เห็น​ได้​อาจ​ไกล​ถึง 15 เมตร. ไม่​จำเป็น​ต้อง​ใช้​อุปกรณ์​ดำ​น้ำ​ราคา​แพง​เพื่อ​จะ​สำรวจ​บริเวณ​น้ำ​ตื้น​อัน​สงบ​เงียบ​ซึ่ง​อยู่​ใกล้ ๆ เกาะ​เหล่า​นี้. สิ่ง​ที่​คุณ​ต้อง​มี​ก็​คือ​ท่อ​หายใจ, หน้ากาก, และ​ตีน​กบ. ขณะ​ที่​แสง​อาทิตย์​สาด​ส่อง​มา​ยัง​โลก​ใต้​น้ำ​นี้ มัน​สะท้อน​ให้​เห็น​ฝูง​ปลา​ขนาด​ใหญ่, ปะการัง​สี​เขียว, สี​ม่วง, และ​สี​เหลือง, รวม​ทั้ง​ฟองน้ำ​และ​สาหร่าย​สี​แดง. เรา​ถูก​ห้อม​ล้อม​ไป​ด้วย​แสง​สี​ต่าง ๆ. แม้​จะ​มี​ปะการัง​เพียง​ไม่​กี่​ชนิด​เมื่อ​เทียบ​กับ​พืด​หิน​ใต้​น้ำ​ใน​ที่​อื่น ๆ แต่​ปะการัง​บาง​ชนิด​ก็​พบ​ได้​เฉพาะ​ที่​นี่​เท่า​นั้น.

“น้ำ​ทะเล​สี​ฟ้า​เข้ม​รอบ ๆ เกาะ​เนืองแน่น​ไป​ด้วย​ปลา​มาก​กว่า 160 ชนิด. มี​สิ่ง​มี​ชีวิต​ทุก​ชนิด​ทุก​ขนาด: บาง​ครั้ง​มี​เต่า​จะ​ละ​เม็ด, ปลา​เทวดา​ฝรั่งเศส, ปลา​ขี้ตังเบ็ด, ปลา​กระทุง​เหว, ปลา​นก​แก้ว, ปลา​กะ​รัง​ขนาด​ใหญ่, และ​ปลา​ไหล​มอ​เรย์. ปลา​พวก​นี้​เชื่อง​มาก​ถึง​ขนาด​ที่​คุณ​สามารถ​ยื่น​อาหาร​ให้​มัน​กิน​ได้ และ​เมื่อ​อาหาร​หมด​แล้ว มัน​ก็​จะ​ตอด​นิ้ว​ของ​คุณ​เบา ๆ เพื่อ​หา​อาหาร​เพิ่ม.”

การ​กลับ​มา

“บ่าย​วัน​ที่​สาม​ที่​เรา​อยู่​ใน​กลุ่ม​เกาะ​นี้ เรา​มุ่ง​หน้า​กลับ​ไป​ยัง​เมือง​การาเวลัส​ด้วย​ความ​รู้สึก​ที่​ปนเป​กัน​ไป. ผม​หลงใหล​กับ​กลุ่ม​เกาะ​อับโบรลยูส แต่​ก็​ผิด​หวัง​ที่​เรา​ยัง​ไม่​ได้​เห็น​ปลา​วาฬ​แม้​แต่​ตัว​เดียว. อย่าง​ไร​ก็​ตาม เมื่อ​เรา​เริ่ม​เดิน​ทาง​กลับ​ได้​ประมาณ 30 นาที จู่ ๆ มาโน​เอล​ก็​ตะโกน​ว่า ‘ปลา​วาฬ! ปลา​วาฬ!’ ปลา​วาฬ​หลัง​ค่อม​สาม​ตัว ตัว​ใหญ่​สอง​ตัว​กับ​ลูก​อีก​หนึ่ง​ตัว อยู่​ห่าง​ไป​ประมาณ 200 เมตร. เรา​มอง​เห็น​ครีบ​ขนาด​ใหญ่​ซึ่ง​ด้าน​ล่าง​เป็น​สี​ขาว​ได้​อย่าง​ชัดเจน. บาง​ที​ด้วย​ความ​อยาก​รู้​อยาก​เห็น ปลา​วาฬ​ตัว​หนึ่ง​จึง​ว่าย​เข้า​มา​ใกล้​และ​ว่าย​อยู่​ข้าง ๆ เรือ​ของ​เรา​สอง​สาม​นาที. ผม​ไม่​เชื่อ​สายตา​ตัว​เอง​เมื่อ​เห็น​ปลา​วาฬ​กระโดด​น้ำ​เล่น. มัน​ยก​ลำ​ตัว​ที่​ใหญ่​โต​ของ​มัน​โผล่​ขึ้น​มา​ครึ่ง​ตัว​แล้ว​ก็​หงาย​หลัง​กระแทก​น้ำ. มัน​ทำ​ให้​เกิด​รอย​คลื่น​ขนาด​ใหญ่​ใน​ทะเล! ขณะ​ที่​กลุ่ม​เกาะ​ซึ่ง​เห็น​อยู่​ไกล ๆ เบื้อง​หลัง​เรา​มี​ขนาด​เล็ก​ลง เรา​ยัง​มอง​เห็น​ครีบ​หาง​ของ​ปลา​วาฬ​รวม​ทั้ง​น้ำ​ที่​มัน​พ่น​ขึ้น​มา​เป็น​ครั้ง​คราว. เรา​ดีใจ​ที่​เห็น​ว่า​ปลา​วาฬ​หลัง​ค่อม​กำลัง​กลับ​มา.”

อนาคต​ที่​ไม่​แน่นอน

อันตราย​จาก​นัก​ล่า​ปลา​วาฬ​อาจ​หมด​ไป​แล้ว แต่​อันตราย​อื่น ๆ ยัง​มี​อยู่. คง​เป็น​เรื่อง​ไม่​ตรง​กับ​ความ​จริง​ที่​จะ​คิด​ว่า​หมู่​เกาะ​เหล่า​นี้​สามารถ​หลีก​พ้น​จาก​ปัญหา​สิ่ง​แวด​ล้อม​ได้. นัก​สมุทร​ศาสตร์​คน​หนึ่ง​กล่าว​ดัง​นี้: ‘เพียง​แค่​อนุรักษ์​กลุ่ม​เกาะ​นี้​และ​ห้าม​ไม่​ให้​มี​คน​เข้า​ไป​ยัง​ไม่​พอ ถ้า​ทุก​สิ่ง​รอบ ๆ เกาะ​กำลัง​ถูก​ทำลาย.’

นัก​วิทยาศาสตร์​หลาย​คน​เชื่อ​ว่า​อุณหภูมิ​ของ​โลก​ที่​ร้อน​ขึ้น​เป็น​เหตุ​ให้​รีฟ ออฟ วอลส์​กลาย​เป็น​สี​ขาว ซึ่ง​เป็น​สัญญาณ​ว่า​สาหร่าย​ขนาด​จิ๋ว​กำลัง​หาย​ไป. ดู​เหมือน​เป็น​เรื่อง​ที่​หลีก​เลี่ยง​ไม่​ได้​ที่​ว่า การ​ตัด​ไม้​ทำลาย​ป่า​บน​แผ่นดิน​ใหญ่​และ​การ​เซาะกร่อน​ของ​หน้า​ดิน ซึ่ง​ทำ​ให้​มี​ตะกอน​ถูก​แม่น้ำ​พัด​พา​ลง​ทะเล​เพิ่ม​ขึ้น จะ​ส่ง​ผล​ต่อ​ปะการัง​ของ​หมู่​เกาะ​นี้​ใน​ที่​สุด. และ​แน่นอน เมื่อ​นัก​ท่อง​เที่ยว​มี​จำนวน​เพิ่ม​ขึ้น​ทุก​ปี นัก​อนุรักษ์​ก็​จะ​ต้อง​ระวัง​ระไว​มาก​ขึ้น​เพื่อ​ปก​ป้อง​กลุ่ม​เกาะ​อับโบรลยูส​ไม่​ให้​ได้​รับ​อันตราย​จาก​ความ​งดงาม​อัน​เป็น​ธรรมชาติ​ของ​มัน​เอง.

จน​ถึง​ปัจจุบัน​นี้ ยัง​ไม่​มี​ที​ท่า​ว่า​จะ​มี​อันตราย​ใด ๆ ตาม​ที่​กลัว​กัน​เกิด​ขึ้น​ต่อ​ความ​งาม​อัน​บริสุทธิ์​ของ​กลุ่ม​เกาะ​นี้ ทั้ง​ปลา​วาฬ​ที่​โลดโผน​น่า​เกรง​ขาม, ชีวิต​นก​ที่​น่า​ทึ่ง, และ​ปะการัง​ที่​ไม่​เหมือน​ใคร. เกือบ 500 ปี​หลัง​จาก​การ​ค้น​พบ​เกาะ​เหล่า​นี้ อับโบรลยูส​ยัง​เป็น​สถาน​ที่​ซึ่ง​คุ้มค่า​แก่​การ​ไป​เยี่ยม​ชม. การ​มา​เยือน​กลุ่ม​เกาะ​นี้​ให้​ความ​เพลิดเพลิน​และ​เป็น​ประสบการณ์​ที่​ผู้​มา​เยือน​ไม่​มี​วัน​ลืม​ได้.

[แผนที่​หน้า 15]

(ดู​ราย​ละเอียด​ใน​วารสาร)

บราซิล

อับโบรลยูส

[แผนที่​หน้า 15]

(ดู​ราย​ละเอียด​ใน​วารสาร)

กลุ่ม​เกาะ​อับโบรลยูส

ซิริบา

เรดอนดา

ซานตา​บาร์บารา

กัวริตา

ซูเอสตี

[ภาพ​หน้า 15]

ประภาคาร​อับโบรลยูส สร้าง​ใน​ปี 1861

[ภาพ​หน้า 16]

นก​โจร​สลัด

[ภาพ​หน้า 16]

ปะการัง​สมอง

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

Enrico Marcovaldi/Abrolhos Turismo

[ภาพ​หน้า 16]

ปลา​เทวดา​ฝรั่งเศส

[ภาพ​หน้า 16]

นก​บู๊บบี้​หน้า​ดำ

[ภาพ​หน้า 17]

เรดอนดา

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

Foto da ilha: Maristela Colucci

[ภาพ​หน้า 17]

ปลา​ไหล​มอ​เรย์

[ภาพ​หน้า 17]

ปลา​ขี้ตังเบ็ด

[ภาพ​หน้า 17]

นก​ร่อน​ทะเล​ปาก​แดง

[ภาพ​หน้า 18]

ปลา​วาฬ​หลัง​ค่อม​และ​ลูก