กิจการของอัครสาวก 4:1-37
เชิงอรรถ
ข้อมูลสำหรับศึกษา
เจ้าหน้าที่ดูแลวิหาร: คำกรีกที่ใช้ในข้อนี้แปลตรงตัวว่า “เจ้าหน้าที่” แต่มีการเพิ่มคำว่า “ดูแลวิหาร” เพื่อให้รู้ว่าคนเหล่านี้ทำหน้าที่อะไร ลูกาเป็นคนเดียวที่พูดถึงพวกเขา (กจ 4:1; 5:24, 26) เจ้าหน้าที่เหล่านี้เป็นหัวหน้าคนที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัยในวิหาร ตอนที่ยูดาสไปวางแผนกับพวกผู้นำเพื่อทำให้การจับกุมพระเยซูดูเหมือนเป็นเรื่องถูกต้อง พวกเจ้าหน้าที่เหล่านี้ก็อาจอยู่ที่นั่นด้วย
หัวหน้าเจ้าหน้าที่ดูแลวิหาร: มีการพูดถึงหัวหน้าเจ้าหน้าที่ดูแลวิหารที่ กจ 5:24, 26 ด้วย ในช่วงศตวรรษที่ 1 คนที่ทำหน้าที่นี้คือปุโรหิตที่มีอำนาจเป็นอันดับ 2 รองจากมหาปุโรหิต หัวหน้าเจ้าหน้าที่ดูแลวิหารจะคอยดูแลพวกปุโรหิตที่รับใช้ในวิหาร นอกจากนั้น เขายังคอยดูแลความสงบเรียบร้อยทั้งภายในและรอบ ๆ วิหารโดยมีพวกตำรวจประจำวิหารคอยช่วย ตำรวจเหล่านี้คือกลุ่มคนเลวีที่ได้รับการแต่งตั้ง หัวหน้าเจ้าหน้าที่ดูแลวิหารยังมีพวกผู้ช่วยที่คอยดูแลคนเลวีที่เปิดประตูวิหารในตอนเช้าและปิดในตอนกลางคืน คนเหล่านี้จะคอยดูแลตู้บริจาค ดูแลคนที่มาวิหารให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และทำให้มั่นใจว่าไม่มีใครเข้าไปในเขตหวงห้าม คนเลวีถูกแบ่งออกเป็น 24 กลุ่ม แต่ละกลุ่มจะสลับกันมารับใช้ที่วิหารปีละ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 อาทิตย์ และดูเหมือนว่าแต่ละกลุ่มจะมีหัวหน้าที่คอยรายงานความเรียบร้อยให้กับหัวหน้าเจ้าหน้าที่ดูแลวิหาร พวกหัวหน้าเจ้าหน้าที่ดูแลวิหารเป็นคนที่มีอิทธิพลมาก มีการพูดถึงพวกเขากับปุโรหิตใหญ่ว่าเป็นคนวางแผนฆ่าพระเยซู ในคืนที่พระเยซูถูกทรยศก็มีพวกหัวหน้าเจ้าหน้าที่ดูแลวิหารมาพร้อมกับคนที่มาจับพระเยซูด้วย—ลก 22:4 (ดูข้อมูลสำหรับศึกษา), 52
ผู้นำ: แปลตรงตัวว่า “คนสูงอายุ” คำกรีก เพร็สบูเทะรอส ที่ใช้ในคัมภีร์ไบเบิลมักจะหมายถึงคนที่มีตำแหน่งและหน้าที่รับผิดชอบในชุมชนหรือในชาติ ถึงแม้คำนี้บางครั้งหมายถึงคนที่อายุมากกว่าหรือคนสูงอายุ (เช่นที่ ลก 15:25; กจ 2:17) แต่ก็มีความหมายในแง่อื่นด้วย ในข้อนี้คำว่า “ผู้นำ” หมายถึงพวกผู้นำชาวยิวซึ่งคัมภีร์ไบเบิลมักพูดถึงพวกเขาพร้อมกับพวกปุโรหิตใหญ่และครูสอนศาสนา สมาชิกศาลแซนเฮดรินก็ประกอบด้วยคนจาก 3 กลุ่มนี้—มธ 21:23; 26:3, 47, 57; 27:1, 41; 28:12; ดูส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “ผู้นำ”
ผู้นำ: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 16:21
อันนาสเป็นปุโรหิตใหญ่ และเคยาฟาส: เมื่อพูดถึงช่วงเวลาที่ยอห์นผู้ให้บัพติศมาเริ่มต้นงานรับใช้ ลูกาบอกว่าในปีนั้นคณะปุโรหิตถูกปกครองโดยคนที่มีอำนาจ 2 คน อันนาสได้รับการแต่งตั้งเป็นมหาปุโรหิตประมาณปี ค.ศ. 6 หรือ 7 โดยคีรินิอัสผู้ว่าราชการชาวโรมันที่ปกครองแคว้นซีเรีย อันนาสอยู่ในตำแหน่งนี้จนถึงประมาณปี ค.ศ. 15 ต่อมาแม้เขาจะถูกโรมปลดออกจากตำแหน่งมหาปุโรหิตแล้ว แต่ดูเหมือนเขายังมีอิทธิพลมากในฐานะปุโรหิตใหญ่และยังมีสิทธิ์มีเสียงมากในกลุ่มผู้นำระดับสูงของชาวยิว ลูกชาย 5 คนของอันนาสเคยเป็นมหาปุโรหิต และเคยาฟาสลูกเขยของเขาก็เป็นมหาปุโรหิตตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 18 จนถึงประมาณปี ค.ศ. 36 ดังนั้น ถึงแม้ในปี ค.ศ. 29 เคยาฟาสจะเป็นมหาปุโรหิต แต่อันนาสก็ยังมีอิทธิพลในฐานะ “ปุโรหิตใหญ่” อยู่—ยน 18:13, 24; กจ 4:6
อันนาสปุโรหิตใหญ่: อันนาสได้รับการแต่งตั้งเป็นมหาปุโรหิตประมาณปี ค.ศ. 6 หรือ 7 โดยคีรินิอัสผู้ว่าราชการชาวโรมันที่ปกครองแคว้นซีเรีย อันนาสอยู่ในตำแหน่งนี้จนถึงประมาณปี ค.ศ. 15 ต่อมาแม้เขาจะถูกโรมปลดออกจากตำแหน่งมหาปุโรหิตแล้ว แต่ดูเหมือนเขายังมีอิทธิพลมากในฐานะปุโรหิตใหญ่และยังมีสิทธิ์มีเสียงมากในกลุ่มผู้นำระดับสูงของชาวยิว ลูกชาย 5 คนของอันนาสเคยเป็นมหาปุโรหิต และเคยาฟาสลูกเขยของเขาก็เป็นมหาปุโรหิตตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 18 จนถึงประมาณปี ค.ศ. 36 (ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ ลก 3:2) ที่ ยน 18:13, 19 มีการเรียกอันนาสว่า “ปุโรหิตใหญ่” คำกรีกเดียวกันนี้ (อาร์ฆิเอะรือส) สามารถใช้เพื่อหมายถึงคนที่เป็นมหาปุโรหิตในปัจจุบัน หรือคนสำคัญ ๆ ในคณะปุโรหิตซึ่งรวมถึงมหาปุโรหิตที่ออกจากตำแหน่งไปแล้ว—ดูส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “ปุโรหิตใหญ่”
เคยาฟาส: เป็นมหาปุโรหิตที่โรมแต่งตั้ง เคยาฟาสมีความสามารถด้านการทูต เขาอยู่ในตำแหน่งมหาปุโรหิตนานกว่าคนอื่น ๆ ก่อนหน้าเขา เคยาฟาสได้รับการแต่งตั้งประมาณปี ค.ศ. 18 และดำรงตำแหน่งจนถึงประมาณปี ค.ศ. 36 เคยาฟาสเป็นคนที่สอบสวนพระเยซูและส่งท่านไปหาปีลาต (มธ 26:3, 57; ยน 11:49; 18:13, 14, 24, 28) มีเฉพาะในข้อนี้ของหนังสือกิจการที่พูดถึงชื่อของเคยาฟาส ส่วนในข้ออื่น ๆ เรียกเขาว่า “มหาปุโรหิต”—กจ 5:17, 21, 27; 7:1; 9:1
ชาวนาซาเร็ธ: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มก 10:47
ประหารท่านบนเสา: หรือ “ทำให้ท่านติดอยู่กับเสา”—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 20:19 และส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “เสา”; “เสาทรมาน”
ประหารท่านบนเสา: หรือ “ทำให้ติดอยู่กับเสา” นี่เป็นครั้งแรกในมากกว่า 40 ครั้งที่มีการใช้คำกริยากรีก สเทารอโอ ในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก คำนามของคำกริยากรีกนี้คือ สเทารอส ซึ่งแปลว่า “เสาทรมาน” (ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 10:38; 16:24; 27:32 และส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “เสา”; “เสาทรมาน”) มีการใช้คำกริยานี้ในฉบับเซปตัวจินต์ ที่ อสธ 7:9 ข้อนั้นพูดถึงการสั่งให้แขวนฮามานไว้บนเสาที่สูงกว่า 20 เมตร และในวรรณกรรมกรีกโบราณ คำกริยานี้หมายถึง “ล้อมรั้วด้วยไม้แหลม, ทำรั้วไม้ป้องกัน”
ชาวนาซาเร็ธ: เป็นฉายาเรียกพระเยซู และต่อมาก็ใช้เรียกสาวกของท่านด้วย (กจ 24:5) เนื่องจากชาวยิวหลายคนมีชื่อว่าเยซู จึงเป็นเรื่องปกติที่จะเพิ่มคำเพื่อระบุตัวตน ซึ่งตามธรรมเนียมในสมัยคัมภีร์ไบเบิล คำที่เพิ่มเข้าไปก็มักจะเป็นถิ่นเดิมหรือบ้านเกิดของคนนั้น (2ซม 3:2, 3; 17:27; 23:25-39; นฮม 1:1; กจ 13:1; 21:29) ตอนพระเยซูเป็นเด็กท่านใช้ชีวิตส่วนใหญ่ที่เมืองนาซาเร็ธแคว้นกาลิลี จึงเป็นเรื่องปกติที่จะใช้คำนี้ต่อท้ายชื่อของท่าน พระเยซูถูกเรียกว่า “ชาวนาซาเร็ธ” ในหลายโอกาส และมีหลายคนเรียกท่านแบบนี้ (มก 1:23, 24; 10:46, 47; 14:66-69; 16:5, 6; ลก 24:13-19; ยน 18:1-7) พระเยซูก็ยอมรับชื่อนี้และเรียกตัวเองแบบนี้ด้วย (ยน 18:5-8; กจ 22:6-8) บนป้ายที่ปีลาตให้ติดไว้บนเสาทรมานของพระเยซู เขาเขียนในภาษาฮีบรู ละติน และกรีกว่า “เยซูชาวนาซาเร็ธ กษัตริย์ของชาวยิว” (ยน 19:19, 20) ตั้งแต่วันเพ็นเทคอสต์ปี ค.ศ. 33 พวกอัครสาวกและคนอื่น ๆ ก็มักพูดถึงพระเยซูว่าเป็นชาวนาซาเร็ธด้วย—กจ 2:22; 3:6; 4:10; 6:14; 10:38; 26:9; ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 2:23 ด้วย
หินหัวมุมหลัก: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 21:42
หินหัวมุมหลัก: หรือ “หินที่สำคัญที่สุด” คำฮีบรูที่ใช้ใน สด 118:22 และคำกรีกที่ใช้ในข้อนี้มีความหมายตามตัวอักษรว่า “หัวมุม” ถึงแม้มีความเข้าใจที่แตกต่างกันหลายอย่าง แต่ดูเหมือนคำนี้หมายถึงหินก้อนบนสุดที่อยู่หัวมุมของอาคารตรงจุดที่กำแพง 2 ด้านมาบรรจบกัน เป็นหินก้อนสำคัญที่เชื่อมกำแพง 2 ด้านเข้าด้วยกัน พระเยซูยกคำพยากรณ์ข้อนี้มาใช้กับตัวท่านที่เป็น “หินหัวมุมหลัก” เหมือนกับหินก้อนบนสุดของอาคารที่เห็นได้ชัดเจน พระเยซูคริสต์ก็เป็นผู้นำที่โดดเด่นของประชาคมคริสเตียนผู้ถูกเจิมซึ่งเป็นเหมือนวิหารของพระเจ้า
พูดอย่างกล้าหาญ: หรือ “ไม่กลัว” มาจากคำกรีก พาร์เรเซีย ซึ่งอาจแปลได้ด้วยว่า “มั่นใจ” (กจ 28:31; 1ยน 5:14) มักมีการแปลคำ พาร์เรซิอาศอไม ซึ่งเป็นคำกริยาที่เกี่ยวข้องกันว่า “ประกาศอย่างกล้าหาญ (ด้วยความกล้าหาญ), พูดอย่างกล้าหาญ” ในหนังสือกิจการมีคำกริยานี้อยู่หลายครั้ง ซึ่งทำให้เห็นว่าลักษณะเด่นของงานประกาศของคริสเตียนยุคแรกคือความกล้าหาญ—กจ 4:29, 31; 9:27, 28; 13:46; 14:3; 18:26; 19:8; 26:26
ไม่มีการศึกษา: หรือ “ไม่ได้เรียนหนังสือ” ถึงแม้คำกรีกที่ใช้ในข้อนี้ (อากราม-มาท็อส) อาจหมายถึงไม่รู้หนังสือ แต่ในท้องเรื่องนี้คำนี้น่าจะหมายถึงคนที่ไม่ได้เรียนในโรงเรียนของพวกรับบี ดูเหมือนว่าคนยิวส่วนใหญ่ในศตวรรษแรกสามารถอ่านออกเขียนได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะที่ประชุมของชาวยิวมีการสอนการอ่านและเขียน แต่เปโตรกับยอห์นก็เป็นเหมือนกับพระเยซูที่ไม่ได้เรียนในโรงเรียนของพวกรับบี (เทียบกับ ยน 7:15) พวกผู้นำศาสนาในสมัยพระเยซูคิดว่าโรงเรียนของพวกรับบีเป็นที่เดียวเท่านั้นที่จะได้รับการสอนเรื่องศาสนาอย่างถูกต้อง จึงไม่แปลกที่พวกสะดูสีกับฟาริสีจะคิดว่าเปโตรกับยอห์นไม่มีคุณสมบัติที่จะสอนหรืออธิบายกฎหมายของโมเสสให้กับผู้คน ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งเปโตรกับยอห์นก็มาจากแคว้นกาลิลีซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ที่นั่นเป็นชาวไร่ชาวนา คนเลี้ยงแกะ และชาวประมง พวกผู้นำศาสนาและคนอื่น ๆ ในกรุงเยรูซาเล็มและแคว้นยูเดียมักดูถูกคนที่มาจากแคว้นกาลิลี พวกเขามองว่าเปโตรกับยอห์นเป็นคน “ไม่มีการศึกษา” และเป็น “คนธรรมดา” (ยน 7:45-52; กจ 2:7) แต่พระเจ้าไม่ได้คิดอย่างนั้น (1คร 1:26-29; 2คร 3:5, 6; ยก 2:5) ก่อนที่พระเยซูจะตาย ท่านสอนและฝึกอบรมพวกเขาและสาวกคนอื่น ๆ อย่างเต็มที่ (มธ 10:1-42; มก 6:7-13; ลก 8:1; 9:1-5; 10:1-42; 11:52) และหลังจากที่ท่านถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายแล้ว ท่านก็ยังสอนพวกสาวกโดยทางพลังบริสุทธิ์—ยน 14:26; 16:13; 1ยน 2:27
ห้องประชุมของศาลแซนเฮดริน: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ ลก 22:66
ศาลแซนเฮดริน: คือศาลสูงของชาวยิวในกรุงเยรูซาเล็ม คำกรีกที่แปลว่า “ศาลแซนเฮดริน” หรือ “แซนเฮดริน” (ซูนเอ็ดริออน) มีความหมายตรงตัวว่า “นั่งลงกับ” แม้มีการใช้คำนี้ในความหมายทั่ว ๆ ไปเพื่อหมายถึงที่ประชุมหรือการประชุม แต่ในอิสราเอลคำนี้อาจหมายถึงคณะผู้พิพากษาหรือศาลที่ตัดสินคดีทางศาสนาด้วย และคำกรีกนี้ยังอาจหมายถึงกลุ่มคนที่ประกอบกันเป็นศาลหรือหมายถึงตัวอาคารหรือที่ตั้งของศาลก็ได้—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 5:22 และส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “แซนเฮดริน”; ดูภาคผนวก ข12 เพื่อจะเห็นตำแหน่งที่น่าจะเป็นศาลแซนเฮดริน
อัศจรรย์: มาจากคำกรีก เซเม่ออน คำนี้มักหมายถึงการอัศจรรย์ที่ให้หลักฐานว่าพระเจ้าอยู่เบื้องหลัง
พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด: มาจากคำกรีก เด็สพอเทส ที่มีความหมายหลักว่า “นาย” (1ทธ 6:1; ทต 2:9; 1ปต 2:18) แต่เมื่อใช้คำนี้กับพระเจ้า เช่นในข้อนี้และที่ ลก 2:29 กับ วว 6:10 ก็มีการแปลว่า “พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด” เพื่อเน้นว่าพระองค์เป็นนายองค์ยิ่งใหญ่ คัมภีร์ไบเบิลบางฉบับใช้คำว่า “องค์เจ้านาย” “องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เจ้าชีวิต” หรือ “องค์พระผู้เป็นเจ้า” พระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกที่แปลเป็นภาษาฮีบรูบางฉบับใช้คำฮีบรู อะโดนาย (พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด) แต่มีอย่างน้อย 1 ฉบับใช้ชื่อพระยะโฮวาในข้อนี้
พระคริสต์: หรือ “ผู้ถูกเจิม, เมสสิยาห์” ตำแหน่ง “พระคริสต์” มาจากคำกรีก ฆะริสท็อส และมีความหมายเดียวกับคำว่า “เมสสิยาห์” (มาจากคำฮีบรู มาชีอัค) ทั้งสองคำแปลว่า “ผู้ถูกเจิม”—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 1:1 และคำว่าพระคริสต์ที่พระยะโฮวาส่งมาในข้อนี้
ผู้ที่พระองค์เจิมไว้: หรือ “ผู้ที่พระองค์ตั้งให้เป็นพระคริสต์ (เมสสิยาห์)” คำกริยากรีก ฆะรีโอ (เจิม) ที่ใช้ในข้อนี้เป็นที่มาของคำว่า ฆะริสท็อส (พระคริสต์) คำนี้แปลตรงตัวหมายถึงการเทน้ำมันลงบนใครคนหนึ่ง แต่ในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกมีการใช้คำนี้เฉพาะในความหมายเป็นนัยเพื่อหมายถึงการที่พระเจ้าแต่งตั้งใครคนหนึ่งให้ทำงานมอบหมายพิเศษภายใต้การชี้นำของพระองค์ มีการใช้คำกริยากรีกนี้ที่ ลก 4:18; กจ 10:38; 2คร 1:21; และ ฮบ 1:9 ด้วย ส่วนคำกรีก อาเล่โฟ หมายถึงการเทน้ำมันหรือเครื่องหอมลงบนใครคนหนึ่งจริง ๆ เช่น อาจจะทำหลังจากล้างหน้า ทำเพื่อการรักษาโรค หรือทำเพื่อเตรียมศพก่อนที่จะนำไปฝัง—มธ 6:17; มก 6:13; 16:1; ลก 7:38, 46; ยก 5:14
เมสสิยาห์: หรือ “ผู้ถูกเจิม” คำกรีก เม็สซิอาส (ทับศัพท์มาจากคำฮีบรู มาชีอัค) มีแค่ 2 ครั้งในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก (ดู ยน 4:25) ตำแหน่ง มาชีอัค มาจากคำกริยาฮีบรู มาชัค ที่แปลว่า “ทาหรือป้าย (ด้วยของเหลว)” และ “เจิม” (อพย 29:2, 7) ในสมัยคัมภีร์ไบเบิล มีธรรมเนียมการเจิมเพื่อแต่งตั้งปุโรหิต พวกผู้นำ และผู้พยากรณ์ด้วยน้ำมัน (ลนต 4:3; 1ซม 16:3, 12, 13; 1พก 19:16) ในข้อนี้ที่ ยน 1:41 ตำแหน่ง “เมสสิยาห์” มีคำอธิบายต่อท้ายว่า ซึ่งแปลว่า “คริสต์” พระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกพูดถึงตำแหน่ง “คริสต์” หรือ “พระคริสต์” (ภาษากรีก ฆะริสท็อส) มากกว่า 500 ครั้ง และตำแหน่งนี้ตรงกับคำฮีบรู “เมสสิยาห์” ซึ่งทั้ง 2 คำแปลว่า “ผู้ถูกเจิม”—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 1:1
พระยะโฮวา: ข้อความนี้ยกมาจาก สด 2:2 ซึ่งในต้นฉบับภาษาฮีบรูมีชื่อของพระเจ้าเขียนด้วยอักษรฮีบรู 4 ตัว (ตรงกับเสียงอักษรไทย ยฮวฮ)
ผู้ถูกเจิมของพระองค์: หรือ “พระคริสต์ของพระองค์, เมสสิยาห์ของพระองค์” คำว่าผู้ถูกเจิมมาจากคำกรีก ฆะริสท็อส ที่แปลว่า “พระคริสต์” ข้อความในข้อนี้ยกมาจาก สด 2:2 ซึ่งข้อนั้นใช้คำฮีบรู มาชีอัค ที่แปลว่า “เมสสิยาห์” ทั้งคำว่า “พระคริสต์” และ “เมสสิยาห์” หมายถึงผู้ถูกเจิม—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ ลก 2:26; ยน 1:41; กจ 4:27
ผู้ที่พระองค์เจิมไว้: หรือ “ผู้ที่พระองค์ตั้งให้เป็นพระคริสต์ (เมสสิยาห์)” คำกริยากรีก ฆะรีโอ (เจิม) ที่ใช้ในข้อนี้เป็นที่มาของคำว่า ฆะริสท็อส (พระคริสต์) คำนี้แปลตรงตัวหมายถึงการเทน้ำมันลงบนใครคนหนึ่ง แต่ในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกมีการใช้คำนี้เฉพาะในความหมายเป็นนัยเพื่อหมายถึงการที่พระเจ้าแต่งตั้งใครคนหนึ่งให้ทำงานมอบหมายพิเศษภายใต้การชี้นำของพระองค์ มีการใช้คำกริยากรีกนี้ที่ ลก 4:18; กจ 10:38; 2คร 1:21; และ ฮบ 1:9 ด้วย ส่วนคำกรีก อาเล่โฟ หมายถึงการเทน้ำมันหรือเครื่องหอมลงบนใครคนหนึ่งจริง ๆ เช่น อาจจะทำหลังจากล้างหน้า ทำเพื่อการรักษาโรค หรือทำเพื่อเตรียมศพก่อนที่จะนำไปฝัง—มธ 6:17; มก 6:13; 16:1; ลก 7:38, 46; ยก 5:14
พระยะโฮวา: ข้อความนี้ยกมาจาก สด 2:2 ซึ่งในต้นฉบับภาษาฮีบรูมีชื่อของพระเจ้าเขียนด้วยอักษรฮีบรู 4 ตัว (ตรงกับเสียงอักษรไทย ยฮวฮ)
พระยะโฮวา: ข้อความนี้เป็นส่วนหนึ่งของคำอธิษฐานถึง “พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด” (กจ 4:24ข) คำว่า “พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด” มาจากคำกรีก เด็สพอเทส มีการใช้คำนี้ใน ลก 2:29 ซึ่งเป็นคำอธิษฐานถึงพระเจ้าด้วย แต่ในคำอธิษฐานครั้งนี้ที่บันทึกในหนังสือกิจการ พระเยซูถูกเรียกว่า “ผู้รับใช้ที่บริสุทธิ์ของพระองค์” (กจ 4:27, 30) ซึ่งในคำอธิษฐานนี้มีข้อความที่ยกมาจาก สด 2:1, 2 และที่นั่นมีชื่อของพระเจ้าด้วย ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ กจ 4:26) นอกจากนั้น ข้อความที่พวกสาวกอธิษฐานถึงพระยะโฮวาว่า ดูสิว่าพวกเขากำลังข่มขู่พวกเราก็เป็นข้อความที่คล้ายกับคำอธิษฐานที่บันทึกอยู่ในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู เช่นที่ 2พก 19:16, 19 และ อสย 37:17, 20 ซึ่งใน 2 ที่นั้นมีการใช้ชื่อของพระเจ้าอยู่ด้วย
การอัศจรรย์: หรือ “หมายสำคัญ”—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ กจ 2:19
สิ่งมหัศจรรย์: หรือ “หมายสำคัญ” มาจากคำกรีก เทะราส ในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกมักใช้คำนี้คู่กับคำ เซเม่ออน ที่หมายถึง “ปาฏิหาริย์” ในหลายท้องเรื่อง (มธ 24:24; ยน 4:48; กจ 7:36; 14:3; 15:12; 2คร 12:12) หลัก ๆ แล้วคำว่า เทะราส หมายถึงสิ่งที่ทำให้คนเรารู้สึกทึ่งหรืออัศจรรย์ใจ เมื่อมีการใช้คำนี้ในท้องเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบอกอนาคตก็จะมีการใส่คำว่า “หมายสำคัญ” ไว้ในข้อมูลสำหรับศึกษาด้วย
อธิษฐานอ้อนวอน: หรือ “อธิษฐานอย่างจริงจัง” คำกริยากรีก เดะออไม หมายถึงการอธิษฐานอย่างจริงจังและออกมาจากความรู้สึกที่แรงกล้า คำนามที่เกี่ยวข้องกัน เดะเอซิส มีความหมายว่า “การอ้อนวอนอย่างถ่อมตัวและจริงจัง” ในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกมีการใช้คำนี้เฉพาะกับการอธิษฐานถึงพระเจ้า แม้แต่พระเยซูก็ “อธิษฐานขอและอ้อนวอนเสียงดังทั้งน้ำตาต่อพระเจ้าผู้ที่ช่วยท่านให้พ้นจากความตายได้” (ฮบ 5:7) การใช้คำนามนี้แบบพหูพจน์แสดงให้เห็นว่าพระเยซูอธิษฐานอ้อนวอนถึงพระยะโฮวาหลายครั้ง ตัวอย่างเช่น ในสวนเกทเสมนีพระเยซูอธิษฐานอ้อนวอนอย่างแรงกล้าหลายครั้งหลายหน—มธ 26:36-44; ลก 22:32
คำสอนของพระองค์: หรือ “คำสอนของพระเจ้า” มีคำนี้อยู่หลายครั้งในหนังสือกิจการ (กจ 6:2, 7; 8:14; 11:1; 13:5, 7, 46; 17:13; 18:11) ในข้อนี้มีการใช้คำนี้เพื่อหมายถึงข่าวสารที่มาจากพระยะโฮวาพระเจ้าที่คริสเตียนประกาศ และข่าวสารนี้เน้นไปที่บทบาทสำคัญของพระเยซูในการทำให้ความประสงค์ของพระยะโฮวาสำเร็จ
เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน: แปลตรงตัวว่า “มีหัวใจและชีวิตเดียวกัน” สำนวนนี้หมายถึงความเป็นหนึ่งเดียวและสามัคคีกันระหว่างพี่น้องร่วมความเชื่อที่มีมากมาย ใน ฟป 1:27 แปลสำนวนกรีกนี้ว่า “เหมือนคนคนเดียว” และยังแปลได้ด้วยว่า “มีเป้าหมายเดียวกัน” ในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู มีสำนวนคล้าย ๆ กันที่ 1พศ 12:38 และที่ 2พศ 30:12 เพื่อพูดถึงการมีความต้องการและการกระทำอย่างเดียวกัน นอกจากนั้น ยังมักมีการใช้คำว่า “หัวใจ” คู่กับคำว่า “ชีวิต” เพื่อหมายถึงตัวตนทั้งหมดของคนเรา (ฉธบ 4:29; 6:5; 10:12; 11:13; 26:16; 30:2, 6, 10) สำนวนกรีกที่ใช้ในข้อนี้ก็มีความหมายคล้าย ๆ กัน ซึ่งอาจแปลได้ว่า “พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งในความคิดและเป้าหมาย” นี่สอดคล้องกับคำอธิษฐานของพระเยซูที่ท่านขอให้สาวกเป็นหนึ่งเดียวกันไม่ว่าพวกเขาจะมาจากภูมิหลังแบบไหนก็ตาม—ยน 17:21
ผู้ให้กำลังใจ: หรือ “ลูกของการให้กำลังใจ” คำนี้แปลมาจากคำว่าบาร์นาบัสซึ่งเป็นฉายาของสาวกคนหนึ่งที่ชื่อโยเซฟ เนื่องจากโยเซฟเป็นชื่อที่ใช้กันมากในหมู่ชาวยิว พวกอัครสาวกจึงอาจให้ชื่อเขาอีกชื่อหนึ่งว่าบาร์นาบัสด้วยเหตุผลที่ดีบางอย่าง (เทียบกับ กจ 1:23) บางครั้ง มีการใช้คำว่าลูกของเพื่อหมายถึงคุณลักษณะเด่นของคนคนหนึ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่น ดังนั้น ฉายาลูกของการให้กำลังใจจึงอาจแสดงให้เห็นว่าโยเซฟเป็นคนให้กำลังใจคนอื่นเก่ง ลูการายงานว่าโยเซฟหรือบาร์นาบัสถูกส่งไปที่ประชาคมที่อันทิโอกในแคว้นซีเรียเพื่อ “ให้กำลังใจ” พี่น้องร่วมความเชื่อ (กจ 11:22, 23) คำกริยากรีก พาราคาเละโอ ที่ใช้ในข้อนี้เกี่ยวข้องกับคำกรีก พาราเคลซิส ที่ใช้ใน กจ 4:36 ซึ่งทั้งสองคำแปลว่า “ให้กำลังใจ”
วีดีโอและรูปภาพ

ศาลสูงของชาวยิวในกรุงเยรูซาเล็มที่เรียกว่าศาลแซนเฮดรินใหญ่ประกอบด้วยสมาชิก 71 คน (ดูส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “แซนเฮดริน”) หนังสือมิชนาห์บอกว่ามีการจัดที่นั่งในศาลเป็นรูปครึ่งวงกลมซ้อนกัน 3 แถว และมีผู้คัดลอก 2 คนคอยบันทึกคำพิพากษาของศาล รายละเอียดทางสถาปัตยกรรมบางอย่างในภาพนี้วาดขึ้นโดยมีต้นแบบจากซากอาคารหลังหนึ่งที่พบในกรุงเยรูซาเล็มซึ่งบางคนเชื่อว่าเคยเป็นห้องพิจารณาคดีของศาลแซนเฮดรินในศตวรรษแรก—ดูภาคผนวก ข12, แผนที่ “กรุงเยรูซาเล็มและบริเวณโดยรอบ”
1. มหาปุโรหิต
2. สมาชิกศาลแซนเฮดริน
3. จำเลย
4. เสมียนศาล