เขียนโดยมัทธิว 27:1-66
ข้อมูลสำหรับศึกษา
ผู้นำ: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 16:21
ผู้ว่าราชการปีลาต: ผู้ว่าราชการโรมันที่ปกครองแคว้นยูเดียซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยจักรพรรดิทิเบริอัสในปี ค.ศ. 26 ปีลาตปกครองประมาณ 10 ปี นักเขียนหนังสือทั่วไปพูดถึงปีลาตด้วย ซึ่งรวมถึงทาซิทุสนักประวัติศาสตร์ชาวโรมันที่บันทึกว่าปีลาตเป็นคนสั่งประหารพระเยซูในช่วงที่ทิเบริอัสเป็นจักรพรรดิ มีการพบคำจารึกภาษาละตินในโรงละครโรมันสมัยโบราณในเมืองซีซาเรียประเทศอิสราเอลที่บอกว่า “ปอนทิอัสปีลาต ผู้ว่าราชการแคว้นยูเดีย”—ดูภาคผนวก ข10 เพื่อจะเห็นเขตปกครองของปอนทิอัสปีลาต
รู้สึกเสียใจ: คำกรีก เมะทาเมะลอไม ที่ใช้ในข้อนี้อาจหมายถึงความรู้สึกเสียใจในแบบที่ถูกต้อง (มธ 21:29, 32; 2คร 7:8 แปลคำนี้ว่า “เปลี่ยนใจ” หรือ “กลับตัวกลับใจ”) แต่ไม่มีหลักฐานที่แสดงว่ายูดาสกลับใจจริง ๆ เมื่อคัมภีร์ไบเบิลพูดถึงการกลับใจและสำนึกผิดต่อพระเจ้าจะใช้อีกคำหนึ่งคือ เมะทานอเอะโอ (มธ 3:2; 4:17; ลก 15:7; กจ 3:19 แปลคำนี้ว่า “กลับใจ”) ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนความคิด ทัศนคติ หรือเปลี่ยนเป้าหมายของตัวเองอย่างจริงจัง แต่การที่ยูดาสกลับไปหาคนที่เขาสมคบคิดด้วยแล้วไปฆ่าตัวตายแสดงว่าเขายังมีความคิดที่ไม่ถูกต้องและไม่ได้กลับตัวเป็นคนดีจริง ๆ
ไม่มีความผิด: สำเนาพระคัมภีร์เก่าแก่บางฉบับใช้คำว่า “มีความถูกต้องชอบธรรม”—เทียบกับ มธ 23:35
วิหาร: คำกรีก นาออส ที่ใช้ในที่นี้อาจหมายถึงสิ่งก่อสร้างทั้งหมดในเขตวิหารซึ่งรวมถึงลานต่าง ๆ ด้วย ไม่ใช่แค่ตัววิหารเท่านั้น
ผูกคอตาย: บันทึกของลูกาเกี่ยวกับการตายของยูดาสที่ กจ 1:18 บอกว่ายูดาสตกลงมาท้องแตก ดูเหมือนมัทธิวเน้นวิธี ที่ยูดาสฆ่าตัวตาย ส่วนลูกาเน้นที่ผล เมื่ออ่านบันทึกทั้ง 2 ที่ก็เข้าใจได้ว่ายูดาสผูกคอตายบนหน้าผาแห่งหนึ่ง แต่เชือกอาจจะขาดหรือกิ่งไม้อาจจะหักทำให้เขาตกลงมากระแทกหินท้องแตกตาย สภาพภูมิประเทศรอบ ๆ กรุงเยรูซาเล็มทำให้สามารถสรุปได้แบบนั้น
เงินเปื้อนเลือด: คือเงินที่ได้จากการฆ่าคน
วิหาร: หรือ “คลังศักดิ์สิทธิ์” คำนี้อาจหมายถึงบริเวณหนึ่งของวิหารที่มี “ตู้บริจาค” ตั้งอยู่ตามที่ ยน 8:20 บอกไว้ และบริเวณนี้น่าจะอยู่ในลานสำหรับผู้หญิง ซึ่งมีตู้บริจาคอยู่ 13 ตู้ (ดูภาคผนวก ข11) เชื่อกันว่าในวิหารยังมีบริเวณหนึ่งที่ใช้เก็บรวบรวมเงินทั้งหมดจากตู้บริจาคด้วย
พวกเขา . . . เอาเงินนั้นไปซื้อ: มัทธิวเป็นคนเดียวที่บอกว่าพวกปุโรหิตใหญ่เอาเงิน 30 เหรียญไปซื้อที่ดิน แต่ที่ กจ 1:18, 19 บอกว่ายูดาสเป็นคนซื้อที่ดิน นี่อาจเป็นเพราะพวกปุโรหิตใหญ่ซื้อที่ดินนั้นโดยใช้เงินที่ได้จากยูดาส
ที่ดินของช่างปั้นหม้อ: ตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 มีการระบุว่าที่ดินนี้อยู่บนเนินเขาทางทิศใต้ของหุบเขาฮินโนมก่อนถึงหุบเขาขิดโรน ดูเหมือนว่าบริเวณนี้เคยเป็นที่ทำงานของพวกช่างปั้นหม้อ บันทึกใน มธ 27:8 และ กจ 1:19 เรียกที่ดินนี้ว่า “ทุ่งเลือด” หรือ อาเคลดามา—ดูภาคผนวก ข12
ศพไร้ญาติ: คือศพของชาวยิวที่มาจากที่อื่นหรือศพของคนต่างชาติ
จนถึงทุกวันนี้: ข้อความนี้บ่งชี้ว่ามัทธิวบันทึกเรื่องนี้หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วระยะหนึ่ง มัทธิวอาจเขียนหนังสือข่าวดีของเขาประมาณปี ค.ศ. 41
สิ่งที่พระเจ้าบอกไว้ผ่านผู้พยากรณ์เยเรมีย์ก็เป็นจริง: ดูเหมือนว่ามัทธิวได้รับการดลใจให้อ้างถึง ศคย 11:12, 13 เพื่อแสดงว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเป็นไปตามคำพยากรณ์ของพระเจ้า ในสมัยของมัทธิวหนังสือเยเรมีย์เป็นหนังสือเล่มแรกในชุดหนังสือคำพยากรณ์ และชื่อของเยเรมีย์มักถูกใช้เพื่อหมายถึงชุดหนังสือนี้ทั้งหมดซึ่งมีหนังสือเศคาริยาห์รวมอยู่ด้วย—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 1:22
พระยะโฮวา: ข้อความนี้ยกมาจากพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู (ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 27:9) ซึ่งในต้นฉบับภาษาฮีบรูมีชื่อของพระเจ้าเขียนด้วยอักษรฮีบรู 4 ตัว (ตรงกับเสียงอักษรไทย ยฮวฮ)
คุณเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ?: ในประเทศต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิโรมัน ไม่มีใครเป็นกษัตริย์ได้เว้นแต่จะได้รับการเห็นชอบจากซีซาร์ ดังนั้น ดูเหมือนปีลาตสนใจที่จะสอบสวนในประเด็นที่ว่าพระเยซูเป็นกษัตริย์จริงหรือเปล่า
ผมเป็นอย่างที่คุณพูด: ดูเหมือนว่าคำตอบนี้ของพระเยซูเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่ปีลาตพูดเป็นความจริง (เทียบกับข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 26:25, 64) ถึงแม้พระเยซูจะยอมรับกับปีลาตว่าท่านเป็นกษัตริย์จริง ๆ แต่ท่านก็ไม่ได้เป็นกษัตริย์ในแบบที่ปีลาตคิด เพราะรัฐบาลของท่าน “ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้” และไม่ได้เป็นภัยต่อโรม—ยน 18:33-37
ธรรมเนียม . . . ปล่อยตัวนักโทษ: ผู้เขียนหนังสือข่าวดีทั้ง 4 คนบันทึกเรื่องนี้ (มก 15:6-15; ลก 23:16-25; ยน 18:39, 40) ไม่เคยมีการพูดถึงและไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับธรรมเนียมนี้ในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู แต่ดูเหมือนว่าพอถึงสมัยพระเยซู ชาวยิวก็เริ่มมีธรรมเนียมนี้แล้ว ธรรมเนียมนี้คงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับชาวโรมันเพราะมีหลักฐานว่าพวกเขาเคยปล่อยตัวนักโทษเพื่อเอาใจประชาชน
บัลลังก์พิพากษา: มักจะเป็นเวทีกลางแจ้ง เจ้าหน้าที่ที่นั่งบนบัลลังก์นั้นสามารถพูดกับประชาชนและประกาศคำตัดสินคดีต่าง ๆ ได้
ฝัน: น่าจะเป็นความฝันที่มาจากพระเจ้า มัทธิวเป็นผู้เขียนหนังสือข่าวดีคนเดียวที่ได้รับการดลใจให้บันทึกเรื่องนี้
ล้างมือ: ท่าทางที่เป็นสัญลักษณ์เพื่อบอกว่าตัวเองบริสุทธิ์และไม่มีส่วนรับผิดชอบในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง มีการพูดถึงธรรมเนียมนี้ของชาวยิวใน ฉธบ 21:6, 7 และ สด 26:6
พวกเรากับลูก ๆ จะรับผิดชอบการตายของเขาเอง: แปลตรงตัวว่า “ให้เลือดของเขาตกบนพวกเรากับลูก ๆ”
เฆี่ยน: พวกโรมันเฆี่ยนนักโทษด้วยอุปกรณ์ที่สร้างความเจ็บปวดซึ่งรู้จักกันในภาษาละตินว่า ฟลาเกลลุม คำกริยากรีกที่ใช้ในข้อนี้ (ฟราเก็ลลอโอ แปลว่า “เฆี่ยน”) ก็มาจากคำละตินนี้ด้วย อุปกรณ์นี้เป็นเหมือนแส้ทำจากเชือกหรือหนังถักที่มีด้ามจับ บางครั้งมีการเอาเศษกระดูกหรือโลหะมัดติดไว้กับเส้นหนังเพื่อให้แส้หนักขึ้นและทำให้คนที่ถูกเฆี่ยนเจ็บปวดมากขึ้น การเฆี่ยนด้วยแส้แบบนี้ทำให้เกิดแผลลึก เนื้อฉีกขาดเป็นทางยาว และอาจทำให้ตายได้
บ้านผู้ว่าราชการ: บ้านพักผู้ว่าราชการโรมันในภาษากรีกคือ ไพรโทริออน (มาจากภาษาละติน ไปรโตเรียน ) บ้านพักนี้ในกรุงเยรูซาเล็มอาจเป็นวังที่เฮโรดมหาราชสร้างไว้ วังนี้อยู่ที่มุมทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองส่วนบน ซึ่งก็คือทางใต้ของกรุงเยรูซาเล็ม (ดูภาคผนวก ข12 เพื่อจะรู้ตำแหน่งของบ้าน) ปีลาตจะพักอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มบางช่วงเท่านั้น เช่น ในช่วงเทศกาล เพราะเป็นช่วงที่อาจเกิดความไม่สงบได้ง่าย ปกติแล้วเขาจะอยู่ที่เมืองซีซารียา
เสื้อคลุมสีแดงเข้ม: เป็นเสื้อคลุมแบบที่กษัตริย์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง หรือนายทหารใส่กัน ที่ มก 15:17 และ ยน 19:2 บอกว่าเสื้อคลุมนี้เป็นสีม่วง แต่ในสมัยโบราณ “สีม่วง” อาจหมายถึงทุกเฉดสีที่เกิดจากการผสมระหว่างสีแดงและสีน้ำเงิน นอกจากนั้น มุม แสงสะท้อน และพื้นหลังอาจทำให้คนดูมองเห็นเป็นสีที่แตกต่างกัน การที่พวกผู้เขียนหนังสือข่าวดีพูดถึงสีที่แตกต่างกันแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้คัดลอกเรื่องราวของกันและกัน
มงกุฎ . . . ไม้อ้อ: นอกจากเสื้อคุลมสีแดงเข้ม (ที่พูดถึงใน มธ 27:28) พวกโรมันก็เอามงกุฎหนามกับไม้คทาที่ทำจากไม้อ้อมาให้พระเยซูเพื่อเยาะเย้ยว่าท่านเป็นกษัตริย์
คุกเข่าลงต่อหน้าพระเยซู: ปกติแล้วการคุกเข่าเป็นท่าทางที่แสดงถึงความนับถือต่อผู้มีอำนาจสูงกว่า นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่พวกทหารเยาะเย้ยพระเยซู—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 17:14
คำนับ: หรือ “ยกย่อง” พวกเขาทำเป็นยกย่องพระเยซูเหมือนยกย่องซีซาร์ ดูเหมือนเป็นวิธีที่พวกเขาเยาะเย้ยว่าท่านเป็นกษัตริย์
ไซรีน: เมืองที่อยู่ใกล้ชายฝั่งด้านเหนือของแอฟริกา และอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะครีต—ดูภาคผนวก ข13
สั่ง: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 5:41
เสาทรมาน: หรือ “เสาประหาร”—ดูส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “เสา”; “เสาทรมาน”; และข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 10:38 และ 16:24 ซึ่งมีการใช้คำนี้ในความหมายเป็นนัย
กลโกธา: มาจากคำภาษาฮีบรูที่แปลว่า “กะโหลก” (ดู ยน 19:17; และเทียบกับ วนฉ 9:53 ซึ่งมีคำฮีบรู กัลโกเลท ที่แปลว่า “กะโหลก”) ในสมัยพระเยซูบริเวณนี้อยู่นอกกำแพงกรุงเยรูซาเล็ม แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่ากลโกธาอยู่ตรงไหน (ดูภาคผนวก ข12) คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บอกว่ากลโกธาอยู่บนเนิน แต่ก็บอกว่าคนที่มองดูการประหารพระเยซูสามารถเห็นเหตุการณ์นี้ได้จากระยะไกล—มก 15:40; ลก 23:49
กะโหลก: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มก 15:22
น้ำดี: คำกรีก ฆอเล ในที่นี้หมายถึงของเหลวรสขมที่ได้จากพืช หรือสิ่งอื่น ๆ ที่มีรสขม มัทธิวแสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์นี้เป็นจริงตามคำพยากรณ์โดยยก สด 69:21 ขึ้นมาซึ่งในฉบับเซปตัวจินต์ ใช้คำกรีก ฆอเล เพื่อแปลคำฮีบรูที่มีความหมายว่า “ยาพิษ” ดูเหมือนว่าพวกผู้หญิงในกรุงเยรูซาเล็มได้เตรียมเหล้าองุ่นผสมกับน้ำดีเอาไว้ลดความเจ็บปวดของคนที่ถูกประหาร และพวกโรมันก็ยอมให้ทำแบบนี้ บันทึกเหตุการณ์เดียวกันที่ มก 15:23 บอกว่าเหล้าองุ่นนี้ “ผสมมดยอบ” ดังนั้น ดูเหมือนในเหล้าองุ่นนี้จะมีทั้งมดยอบและน้ำดีผสมอยู่
ท่านก็ไม่ยอมดื่ม: ดูเหมือนว่าพระเยซูอยากมีสติสัมปชัญญะอย่างครบถ้วนในช่วงที่ถูกทดสอบความเชื่อนี้
เอาเสื้อชั้นนอกของท่านมา . . . แบ่งกัน: บันทึกใน ยน 19:23, 24 ให้ข้อมูลเพิ่มเติมซึ่งไม่มีในบันทึกของมัทธิว มาระโก และลูกา เมื่อเอาเรื่องราวจากหนังสือข่าวดีทั้ง 4 เล่มมารวมกันก็จะทำให้เห็นภาพว่า ทหารโรมันน่าจะจับฉลากทั้งเสื้อชั้นนอกและเสื้อตัวใน พวกเขาเอาเสื้อชั้นนอก “มาแบ่งเป็น 4 ส่วน แล้วเอาไปคนละส่วน” พวกเขาไม่อยากฉีกเสื้อตัวในเลยใช้วิธีจับฉลาก และการจับฉลากแบ่งเสื้อของเมสสิยาห์ทำให้คำพยากรณ์ใน สด 22:18 เป็นจริง ดูเหมือนว่าในสมัยนั้นมีธรรมเนียมที่คนประหารจะเก็บเสื้อผ้าของนักโทษไว้ ดังนั้น ก่อนถูกประหาร นักโทษจะถูกถอดเสื้อผ้าและถูกยึดของที่ติดตัวมา ซึ่งทำให้พวกเขายิ่งอับอายมากขึ้นไปอีก
จับฉลาก: ดูส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “ฉลาก”
โจร: มาจากคำกรีก เล็สเทส ซึ่งอาจหมายถึงการปล้นโดยใช้กำลังและบางครั้งอาจหมายถึงการปฏิวัติ มีการใช้คำเดียวกันนี้กับบารับบัส (ยน 18:40) ซึ่งที่ ลก 23:19 บอกว่าเขาถูกขังคุกข้อหา “ปลุกระดม” และ “ฆ่าคนตาย” บันทึกเหตุการณ์เดียวกันที่ ลก 23:32, 33, 39 พูดถึงผู้ชาย 2 คนนี้ว่าเป็น “ผู้ร้าย” ซึ่งมาจากคำกรีก (คาคู่รก็อส) ที่มีความหมายตรงตัวว่า “คนที่ทำชั่ว”
ส่ายหัว: มักมีการทำแบบนี้พร้อมกับพูดอะไรบางอย่างออกมาด้วย เป็นท่าทางที่แสดงถึงการดูถูก เหยียดหยาม หรือเยาะเย้ย ผู้คนที่เดินผ่านไปมาทำให้คำพยากรณ์ที่ สด 22:7 เป็นจริงโดยไม่ตั้งใจ
เสาทรมาน: หรือ “เสาประหาร”—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 27:32 และส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “เสา”; “เสาทรมาน”
เสาทรมาน: หรือ “เสาประหาร”—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 27:32 และส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “เสา”; “เสาทรมาน”
เที่ยงวัน: แปลตรงตัวว่า “ชั่วโมงที่ 6”—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 20:3
มืด: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มก 15:33
บ่าย 3 โมง: แปลตรงตัวว่า “ชั่วโมงที่ 9”—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 20:3
เอลี เอลี ลามาสะบักธานี?: แม้บางคนมองว่าคำพูดนี้เป็นภาษาอาราเมอิก แต่ดูเหมือนน่าจะเป็นภาษาฮีบรูในสมัยนั้นที่ได้รับอิทธิพลจากภาษาอาราเมอิก คำทับศัพท์ภาษากรีกนี้ที่ใช้ในมัทธิวและมาระโกไม่ได้ช่วยให้รู้ว่าจริง ๆ แล้วคำพูดนี้เป็นภาษาอะไร
พระเจ้า พระเจ้าของผม: การที่พระเยซูร้องเรียกพ่อของท่านที่อยู่ในสวรรค์แบบนี้ทำให้คำพยากรณ์ที่ สด 22:1 เป็นจริง และทำให้คนที่ได้ยินเสียงร้องของท่านนึกถึงคำพยากรณ์อื่น ๆ มากมายเกี่ยวกับท่านที่บอกไว้ใน สด 22 นั่นคือ ท่านจะถูกเยาะเย้ย ดูถูกดูหมิ่น ถูกทำร้ายที่มือและเท้า และเสื้อผ้าของท่านจะถูกเอาไปจับฉลาก—สด 22:6-8, 16, 18
เอลียาห์: มาจากชื่อภาษาฮีบรูที่หมายถึง “พระเจ้าของผมคือพระยะโฮวา”
เหล้าองุ่นเปรี้ยว: หรือ “น้ำส้มสายชูที่ทำจากองุ่น” ดูเหมือนหมายถึงเหล้าองุ่นเจือจางที่มีรสเปรี้ยวซึ่งรู้จักกันในชื่อภาษาละตินว่า อะเซตุม (น้ำส้มสายชู) หรือเป็นเหล้าองุ่นผสมน้ำที่เรียกว่า พอสก้า นี่เป็นเครื่องดื่มราคาถูกสำหรับคนยากจนซึ่งรวมถึงทหารโรมันที่มักจะดื่มตอนกระหายน้ำ นอกจากนั้น ฉบับเซปตัวจินต์ ก็ใช้คำกรีก ออคซอส ที่ สด 69:21 ซึ่งเป็นคำพยากรณ์ว่าจะมีคนเอา “น้ำส้มสายชู” มาให้เมสสิยาห์ดื่ม
ไม้อ้อ: หรือ “ท่อนไม้, แท่งไม้” ในบันทึกของยอห์นใช้คำว่า “กิ่งหุสบ”—ยน 19:29; ดูส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “หุสบ”
ช่วยชีวิตเขา: สำเนาพระคัมภีร์เก่าแก่บางฉบับเพิ่มข้อความว่า “อีกคนหนึ่งเอาหอกแทงสีข้างท่านและเลือดกับน้ำก็ไหลออกมา” สำเนาที่สำคัญหลายฉบับไม่มีข้อความนี้ แต่มีข้อความคล้าย ๆ กันใน ยน 19:34 ซึ่งจากข้อ 33 ทำให้รู้ว่าตอนนั้นพระเยซูเสียชีวิตไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่รวมทั้งผู้จัดทำข้อความภาษากรีกของเนสต์เล-อลันด์และข้อความภาษากรีกของสหสมาคมพระคริสตธรรมเชื่อว่าพวกผู้คัดลอกได้เอาข้อความจากบันทึกของยอห์นมาใส่ที่หนังสือมัทธิว แม้แต่เวสต์คอตต์กับฮอร์ตที่ใส่ข้อความนี้ไว้ในเครื่องหมายวงเล็บเหลี่ยมสองชั้นก็บอกว่า “พวกครูสอนศาสนาต้องถือสิทธิ์เพิ่มข้อความนี้เข้ามาเองแน่ ๆ” เนื่องจากมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันหลายอย่างเกี่ยวกับบันทึกของมัทธิว แต่ไม่มีความเห็นที่แตกต่างกันเลยเกี่ยวกับบันทึกของยอห์น จึงดูเหมือนว่าบันทึกที่ ยน 19:33, 34 เรียงลำดับเหตุการณ์ได้ถูกต้อง นั่นคือ พระเยซูเสียชีวิตแล้วตอนที่ทหารโรมันเอาหอกแทงท่าน เพราะอย่างนี้ในฉบับแปลโลกใหม่ฉบับล่าสุดจึงไม่มีข้อความนี้ใน มธ 27:49
สิ้นใจตาย: หรือ “หมดลม, หยุดหายใจ” คำว่า “ใจ” (คำกรีก พะนือมา) ในข้อนี้อาจหมายถึง “ลมหายใจ” หรือ “พลังชีวิต” ที่สรุปได้แบบนั้นเพราะบันทึกเหตุการณ์เดียวกันที่ มก 15:37 ตอนที่พระเยซูสิ้นใจตายมีการใช้คำกริยากรีก เอ็คพะเนะโอ ซึ่งแปลตรงตัวว่า “หายใจออก” บางคนคิดว่าการใช้คำกรีกที่แปลว่า “สิ้นใจ” หมายความว่าพระเยซูไม่พยายามอีกต่อไปที่จะมีชีวิตอยู่ เพราะท่านทำทุกอย่างสำเร็จแล้ว (ยน 19:30) ท่านเต็มใจ “ยอมพลีชีวิต”—อสย 53:12; ยน 10:11
ในตอนนั้นเอง: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 1:23
ม่าน: ม่านที่ตกแต่งอย่างสวยงามนี้กั้นระหว่างห้องบริสุทธิ์กับห้องบริสุทธิ์ที่สุดในวิหาร คำสอนสืบปากของชาวยิวบอกว่าม่านนี้หนักมากและมีความยาวประมาณ 18 เมตร กว้าง 9 เมตร และหนา 7.4 ซม. การที่ม่านขาดแยกเป็นสองส่วน ไม่ได้แสดงถึงความโกรธที่พระยะโฮวามีต่อคนที่ฆ่าลูกชายพระองค์เท่านั้น แต่ยังหมายความด้วยว่าทางที่จะเข้าไปในสวรรค์ได้เปิดออกแล้ว—ฮบ 10:19, 20; ดูส่วนอธิบายศัพท์
ห้องบริสุทธิ์ของวิหาร: คำกรีก นาออส ในข้อนี้หมายถึงส่วนของวิหารซึ่งรวมทั้งห้องบริสุทธิ์กับห้องบริสุทธิ์ที่สุด
อุโมงค์ฝังศพ: หรือ “อุโมงค์รำลึก”—ดูส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “อุโมงค์รำลึก”
โผล่: มาจากคำกริยากรีก เอะเก่โร ที่หมายถึง “ทำให้ลุกขึ้น” คำนี้อาจหมายถึงการฟื้นขึ้นจากตาย แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้ในความหมายอื่น เช่น อาจหมายถึง ‘ดึงขึ้นมา’ จากหลุม หรือ “ลุกขึ้น” จากพื้น (มธ 12:11; 17:7; ลก 1:69) มัทธิวไม่ได้บอกว่า “คนของพระเจ้า” ได้ “โผล่ขึ้นมา” แต่บอกว่า “ศพ” โผล่ขึ้นมา ดูเหมือนว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้รุนแรงมากจนอุโมงค์ฝังศพแตกและทำให้ศพโผล่ขึ้นมาหลายศพ
เห็นศพ: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 27:52
คนที่ไป: คำกริยากรีกนี้บอกให้รู้ว่าคำว่า “คน” ที่พูดถึงในข้อนี้เป็นคำนามพหูพจน์เพศชาย ซึ่งต่างจากคำว่า “ศพ” (คำนี้ในภาษากรีกไม่มีเพศ) ที่พูดถึงในข้อ 52 ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้คือคนที่เดินผ่านไปมาซึ่งเห็นศพโผล่ออกมาหลังจากแผ่นดินไหว (ข้อ 51) พวกเขาเข้าไปในเมืองและเล่าเรื่องที่พวกเขาเห็นให้คนอื่นฟัง
เมืองบริสุทธิ์: คือกรุงเยรูซาเล็ม—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 4:5
หลังจากพระเยซูฟื้นขึ้นจากตายแล้ว: ข้อมูลในวงเล็บพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น
นายร้อย: คำว่า “นายร้อย” หมายถึงนายทหารในกองทัพโรมันที่มีทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาประมาณ 100 นาย นายทหารคนนี้อาจอยู่ตอนที่พระเยซูถูกพิจารณาคดีต่อหน้าปีลาต และอาจได้ยินชาวยิวพูดกันว่าพระเยซูอ้างว่าเป็นลูกของพระเจ้า—มธ 27:27; ยน 19:7
มารีย์มักดาลา: คำว่ามักดาลาที่ต่อท้ายชื่อของเธออาจเป็นชื่อเมืองมักดาลาที่อยู่บนชายฝั่งด้านตะวันตกของทะเลสาบกาลิลี เมืองนี้อยู่ตรงกลางระหว่างเมืองคาเปอร์นาอุมกับเมืองทิเบเรียส เชื่อกันว่าเมืองมักดาลาเป็นบ้านเกิดของมารีย์หรือเป็นเมืองที่เธออาศัยอยู่—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 15:39; ลก 8:2
ยากอบ: มีอีกชื่อหนึ่งว่า “ยากอบน้อย”—มก 15:40
โยเสส: สำเนาพระคัมภีร์เก่าแก่บางฉบับใช้คำว่า “โยเซฟ” แทน “โยเสส” และสำเนาพระคัมภีร์เก่าแก่ส่วนใหญ่ใช้คำว่า “โยเสส” ในบันทึกเหตุการณ์เดียวกันที่ มก 15:40
แม่ของยากอบกับยอห์นที่เป็นภรรยาของเศเบดี: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 4:21; 20:20
อาริมาเธีย: ชื่อของเมืองนี้มาจากคำฮีบรูที่แปลว่า “ความสูง” บันทึกใน ลก 23:51 เรียกเมืองนี้ว่า “เมือง . . . ของชาวยูเดีย”—ดูภาคผนวก ข10
โยเซฟ: ผู้เขียนหนังสือข่าวดีแต่ละคนให้รายละเอียดเกี่ยวกับโยเซฟคนละอย่าง มัทธิวซึ่งเป็นคนเก็บภาษีบอกว่าโยเซฟเป็นเศรษฐี มาระโกซึ่งเขียนสำหรับชาวโรมันบอกว่าโยเซฟเป็น “สมาชิกสภาผู้มีชื่อเสียง” ที่รอคอยรัฐบาลของพระเจ้า ส่วนลูกาซึ่งเป็นหมอที่มีความเห็นอกเห็นใจบอกว่าโยเซฟ “เป็นคนดีและเชื่อฟังพระเจ้า” และไม่ได้ออกเสียงสนับสนุนให้สภาตัดสินลงโทษพระเยซู และมียอห์นคนเดียวที่บอกว่าโยเซฟเป็น “สาวกคนหนึ่งของพระเยซูที่ไม่เปิดเผยตัวเพราะกลัวพวกยิว”—มก 15:43-46; ลก 23:50-53; ยน 19:38-42
อุโมงค์ฝังศพ: หรือ “อุโมงค์รำลึก” เป็นห้องหรือช่องที่เจาะเข้าไปในหินปูนเนื้ออ่อน ไม่ได้เป็นถ้ำตามธรรมชาติ ในอุโมงค์แบบนี้มักจะมีชั้นยาวหรือซอกบนผนังที่ใช้วางศพ—ดูส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “อุโมงค์รำลึก”
หินก้อนใหญ่: ดูเหมือนเป็นแผ่นหินกลม เพราะในข้อนี้บอกว่าหินก้อนนี้ถูกกลิ้งมาปิดปากอุโมงค์ และตอนที่พระเยซูฟื้นขึ้นจากตาย มก 16:4 ก็บอกว่าหินนี้ “ถูกกลิ้งออกไป” หินนี้น่าจะหนักประมาณ 1 ตันหรือมากกว่านั้น
มารีย์อีกคนหนึ่ง: คือ “มารีย์ที่เป็นแม่ของยากอบกับโยเสส” ที่พูดถึงใน มธ 27:56 มีการพูดถึงมารีย์คนนี้ที่ มธ 28:1; มก 15:40, 47; 16:1; ลก 24:10; ยน 19:25 ด้วย—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มก 3:18; ยน 19:25
วันถัดมา: หมายถึงวันที่ 15 เดือนนิสาน ปกติแล้ววันที่ถัดจากวันที่ 14 เดือนนิสานจะถือว่าเป็นวันสะบาโตหรือวันบริสุทธิ์สำหรับการพักผ่อนไม่ว่าวันนั้นจะตรงกับวันอะไรในสัปดาห์ นอกจากนั้นในปี ค.ศ. 33 วันที่ 15 เดือนนิสานตรงกับวันสะบาโตประจำสัปดาห์ เลยทำให้วันนั้นกลายเป็น “วันสะบาโตพิเศษ” หรือวันสะบาโตซ้อนสะบาโต—ยน 19:31; ดูภาคผนวก ข12
วันเตรียม: หมายถึงวันก่อนหน้าวันสะบาโตประจำสัปดาห์ ในวันนี้ชาวยิวจะเตรียมตัวสำหรับวันสะบาโตโดยทำอาหารเพิ่มและทำงานต่าง ๆ ที่ต้องทำให้เสร็จก่อนวันสะบาโต วันเตรียมที่พูดถึงในข้อนี้ตรงกับวันที่ 14 เดือนนิสาน—มก 15:42; ดูส่วนอธิบายศัพท์
3 วัน: สำนวนนี้อาจไม่ได้หมายถึงระยะเวลา 3 วันเต็ม ๆ เพราะในข้อนี้มีการขอ “ให้คนไปเฝ้าที่ฝังศพ [ของพระเยซู] จนถึงวันที่สาม” ไม่ใช่วันที่สี่—มธ 27:64; ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 12:40
การหลอกลวงครั้งหลังนี้จะยิ่งเลวร้ายกว่าครั้งแรก: คำพูดนี้ดูเหมือนหมายความว่า “การหลอกลวง” ครั้งหลังซึ่งก็คือการที่พระเยซูฟื้นขึ้นจากตายจะเลวร้ายกว่าการหลอกลวงครั้งแรกซึ่งก็คือการที่ท่านอ้างว่าเป็นเมสสิยาห์ พวกศัตรูคงรู้ว่าถ้าพระเยซูฟื้นขึ้นจากตาย คำกล่าวอ้างที่ว่าท่านเป็นเมสสิยาห์ก็จะเป็นเรื่องจริง
วีดีโอและรูปภาพ

ในปี ค.ศ. 1961 นักโบราณคดีได้ขุดค้นซากโรงละครโรมันสมัยโบราณในเมืองซีซาเรียประเทศอิสราเอล พวกเขาพบแผ่นหินแผ่นหนึ่งซึ่งเคยใช้ในอาคารหลังอื่นมาก่อน แผ่นหินนั้นมีชื่อของปีลาตสลักไว้อย่างชัดเจนในภาษาละติน (ในภาพคือแบบจำลอง) ชื่อของเขายังปรากฏหลายครั้งในบันทึกทางประวัติศาสตร์อื่น ๆ ของคนสมัยนั้นด้วย

นี่เป็นภาพจำลองกระดูกส้นเท้าของมนุษย์ที่ถูกตอกด้วยตะปูเหล็กยาว 11.5 ซม. มีการขุดพบชิ้นส่วนจริงจากยุคโรมันในปี ค.ศ. 1968 ทางตอนเหนือของกรุงเยรูซาเล็ม หลักฐานทางโบราณคดีชิ้นนี้ทำให้รู้ว่าอาจมีการใช้ตะปูในการประหารชีวิตคนที่ถูกตรึงบนเสาไม้ ตะปูนี้อาจคล้ายกับตะปูที่ทหารโรมันใช้ตรึงพระเยซูคริสต์บนเสา ชิ้นส่วนนี้ถูกพบในหีบหินซึ่งเป็นกล่องเก็บกระดูกที่แห้งแล้วของคนตายหลังจากเนื้อหนังย่อยสลายไปหมดแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าคนที่ถูกประหารชีวิตบนเสาอาจได้รับการฝังศพด้วย

ชาวยิวมักจะฝังศพคนตายไว้ในถ้ำหรือห้องที่เจาะเข้าไปในหิน ปกติแล้วอุโมงค์ฝังศพของพวกเขาจะอยู่นอกเมือง ยกเว้นอุโมงค์ของกษัตริย์ อุโมงค์ฝังศพของชาวยิวมักเป็นแบบเรียบง่าย เพราะชาวยิวไม่นมัสการคนตายและไม่เชื่อว่าคนตายแล้วมีวิญญาณที่เป็นอมตะ