เขียนโดยมัทธิว 23:1-39
เชิงอรรถ
ข้อมูลสำหรับศึกษา
ตั้งตัวเองให้อยู่ในตำแหน่งของโมเสส: หรือ “นั่งในที่นั่งของโมเสส” พวกเขาทำอย่างนั้นโดยอ้างว่าตัวเองมีสิทธิ์ตีความกฎหมายของพระเจ้า
ของหนัก: ดูเหมือนหมายถึงกฎเกณฑ์และคำสอนสืบปากซึ่งเป็นภาระหนักสำหรับประชาชน
ปลายนิ้วก็ไม่ยอมแตะ: สำนวนนี้อาจหมายถึงการที่พวกผู้นำศาสนาไม่ยอมยกเลิกกฎในเรื่องเล็ก ๆ แม้แต่ข้อเดียวเพื่อช่วยให้ประชาชนที่แบกภาระหนักรู้สึกสบายขึ้น
กล่องเครื่องรางใส่ข้อคัมภีร์: เป็นกล่องหนังเล็ก ๆ ที่มีข้อความ 4 ชิ้นจากกฎหมายของโมเสส (อพย 13:1-10, 11-16; ฉธบ 6:4-9; 11:13-21) ผู้ชายชาวยิวจะมัดกล่องนี้ไว้ที่หน้าผากและแขนซ้ายของพวกเขา การทำแบบนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากการตีความคำสั่งของพระเจ้าตามตัวอักษร คำสั่งนั้นอยู่ที่ อพย 13:9, 16; ฉธบ 6:8; 11:18 พระเยซูตำหนิพวกผู้นำศาสนาเพราะพวกเขาทำกล่องใส่ข้อคัมภีร์ให้ใหญ่ขึ้นเพื่อให้คนอื่นประทับใจ และพวกเขาคิดอย่างผิด ๆ ว่าสิ่งนี้เป็นเครื่องรางที่จะปกป้องพวกเขาได้
ทำชายครุยเสื้อให้ยาว: ที่ กดว 15:38-40 พระเจ้าสั่งให้ชาวอิสราเอลทำครุยที่ชายเสื้อ แต่พวกครูสอนศาสนาและฟาริสีทำชายครุยเสื้อยาวกว่าปกติเพื่ออวดคนอื่น
นั่งแถวหน้าสุด: หรือ “นั่งในที่นั่งที่ดีที่สุด” ดูเหมือนว่าหัวหน้าที่ประชุมของชาวยิวและแขกคนสำคัญจะนั่งใกล้กับม้วนหนังสือพระคัมภีร์ ซึ่งเป็นที่ที่ทุกคนมองเห็น ที่นั่งที่มีเกียรติแบบนี้อาจเป็นที่เฉพาะสำหรับคนสำคัญเหล่านี้
ที่สาธารณะ: หรือ “ตลาด” คำกรีก อากอรา ในข้อนี้หมายถึงลานที่ใช้เป็นศูนย์กลางการซื้อขาย และเป็นที่ชุมนุมของชาวเมืองในประเทศแถบตะวันออกกลางสมัยโบราณ และในดินแดนที่กรีกและโรมปกครอง
อาจารย์: หรือ “รับบี” มีความหมายตรงตัวว่า “ผู้ยิ่งใหญ่ของฉัน” มาจากภาษาฮีบรู รัฟ ที่แปลว่า “ยิ่งใหญ่” ตามปกติแล้วคำว่า “รับบี” หมายถึง “อาจารย์” (ยน 1:38) แต่ต่อมามีการใช้คำนี้เป็นตำแหน่งด้วย บางคนที่มีความรู้ เช่น ครูสอนศาสนาและครูสอนกฎหมายของโมเสสเรียกร้องให้คนอื่นเรียกพวกเขาด้วยตำแหน่งนี้
พ่อ: ในข้อนี้พระเยซูห้ามใช้คำว่า “พ่อ” เป็นตำแหน่งที่เป็นทางการหรือตำแหน่งทางศาสนาซึ่งเป็นการให้เกียรติมนุษย์
ผู้นำ: คำนี้ในภาษากรีกมีความหมายคล้ายกับคำว่า “อาจารย์” ที่อยู่ในข้อ 8 และในข้อนี้หมายถึงผู้นำทางความเชื่อซึ่งให้คำแนะนำและสั่งสอน ดูเหมือนมีการใช้คำนี้เป็นตำแหน่งทางศาสนา
ผู้นำเพียงผู้เดียว: เนื่องจากมนุษย์ทุกคนไม่สมบูรณ์แบบจึงไม่มีใครเป็นผู้นำทางความเชื่อของคริสเตียนแท้ได้ มีแต่พระเยซูเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะได้ตำแหน่งนี้—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาคำว่าผู้นำในข้อนี้
พระคริสต์: ในข้อนี้ ตำแหน่ง “พระคริสต์” ที่แปลว่า “ผู้ถูกเจิม” ในภาษากรีกมีคำนำหน้านามที่เฉพาะเจาะจง นี่เป็นวิธีที่ระบุว่าพระเยซูเป็นเมสสิยาห์ที่พระเจ้าสัญญาไว้ ท่านได้รับการเจิมเพื่อแต่งตั้งให้มีบทบาทพิเศษ—ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 1:1 และ 2:4
ผู้รับใช้: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 20:26
พวกคนหลอกลวง: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 6:2
พวกคุณต้องรับโทษหนักแน่ ๆ: นี่เป็นคำสาปแช่งอย่างแรกในทั้งหมด 7 อย่างที่พระเยซูพูดกับพวกผู้นำศาสนาในสมัยของท่าน พระเยซูบอกว่าพวกเขาเป็นคนหลอกลวงและคนนำทางตาบอด
ปิดทาง: หรือ “ปิดประตูใส่” คือกีดกันไม่ให้คนเข้า
สำเนาพระคัมภีร์บางฉบับมีข้อความว่า “พวกครูสอนศาสนาและพวกฟาริสี พวกคนหลอกลวง พวกคุณต้องรับโทษหนักแน่ ๆ เพราะพวกคุณริบเอาบ้านของแม่ม่าย และแสร้งอธิษฐานยืดยาว ดังนั้น พวกคุณจะต้องรับโทษมากขึ้น” แต่ข้อนี้ไม่มีในสำเนาพระคัมภีร์ที่เก่าแก่ที่สุดและน่าเชื่อถือที่สุด ถึงอย่างนั้นก็มีข้อความคล้าย ๆ กันอยู่ที่ มก 12:40 และ ลก 20:47 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพระคัมภีร์ที่ได้รับการดลใจ—ดูภาคผนวก ก3
คนหนึ่งมาเข้าศาสนา: หรือ “คนที่เปลี่ยนศาสนา” มาจากคำกรีก พรอเซลูทอส ที่หมายถึงคนต่างชาติซึ่งเปลี่ยนมานับถือศาสนายิว ผู้ชายที่เปลี่ยนมาเข้าศาสนานี้ต้องเข้าสุหนัตด้วย
รับโทษในเกเฮนนา: แปลตรงตัวว่า “เป็นลูกชายของเกเฮนนา” หมายถึงคนที่สมควรถูกทำลายตลอดไป—ดูส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “เกเฮนนา”
โง่และตาบอด: ในคัมภีร์ไบเบิล คำว่า “โง่” โดยทั่วไปหมายถึงคนที่ไม่ฟังเหตุผลและใช้ชีวิตแบบไร้ศีลธรรมซึ่งไม่สอดคล้องกับมาตรฐานที่ถูกต้องชอบธรรมของพระเจ้า
ส่วน 1 ใน 10 ของสะระแหน่ เทียนข้าวเปลือก และยี่หร่า: ตามกฎหมายของโมเสส ชาวอิสราเอลต้องถวายส่วน 1 ใน 10 ของพืชผลที่ได้จากไร่นา (ลนต 27:30; ฉธบ 14:22) แม้กฎหมายไม่ได้บอกอย่างเจาะจงว่าส่วน 1 ใน 10 ที่ต้องถวายคือสมุนไพรต่าง ๆ เช่น สะระแหน่ เทียนข้าวเปลือก และยี่หร่า แต่พระเยซูก็ไม่ได้คัดค้านธรรมเนียมของพวกเขา แทนที่จะเป็นอย่างนั้น ท่านตำหนิพวกครูสอนศาสนาและฟาริสีที่เอาแต่สนใจรายละเอียดปลีกย่อยของกฎหมาย แต่กลับมองข้ามหลักการที่อยู่เบื้องหลังกฎหมายเหล่านั้น เช่น ความยุติธรรม ความเมตตา และความซื่อสัตย์
กรองตัวริ้นออกแต่กลับกลืนอูฐ: ตัวริ้นและอูฐเป็นสัตว์ไม่สะอาดที่เล็กและใหญ่ที่สุดที่ชาวอิสราเอลรู้จัก (ลนต 11:4, 21-24) พระเยซูใช้อติพจน์หรือคำพูดที่เกินจริงและประชดประชันเล็กน้อยเมื่อบอกว่าพวกผู้นำศาสนากรองตัวริ้นออกจากเครื่องดื่มเพราะกลัวว่าจะทำให้ตัวเองไม่สะอาดตามกฎหมายพระเจ้า แต่กลับมองข้ามเรื่องที่สำคัญกว่าในกฎหมายนั้น ซึ่งสิ่งที่พวกเขาทำเป็นเหมือนการกลืนอูฐเข้าไปทั้งตัว
ที่ฝังศพทาด้วยสีขาว: ชาวอิสราเอลมีธรรมเนียมทาที่ฝังศพด้วยสีขาวเพื่อช่วยให้คนที่ผ่านไปมาระวังไม่ไปสัมผัสที่ฝังศพเหล่านั้นโดยไม่ตั้งใจ และทำให้พวกเขาไม่สะอาดตามพิธีกรรม (กดว 19:16) หนังสือมิชนาห์ของชาวยิว (เชคาลิม 1:1) บอกว่ามีการทาที่ฝังศพด้วยสีขาวทุกปีก่อนเทศกาลปัสกาประมาณ 1 เดือน พระเยซูเปรียบการทำอย่างนี้เหมือนพวกคนเสแสร้ง
ความชั่ว: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 24:12
ที่ฝังศพ: หรือ “อุโมงค์รำลึก”—ดูส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “อุโมงค์รำลึก”
สานต่อสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกคุณทำไว้: สำนวนนี้มีความหมายตรงตัวว่า “ถมสิ่งที่คนอื่นเริ่มไว้จนเต็ม” พระเยซูไม่ได้สั่งให้พวกผู้นำศาสนาชาวยิวทำสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเขาเริ่มไว้ให้สำเร็จ แต่ท่านใช้คำพูดแบบประชดประชันเพื่อบอกล่วงหน้าว่าพวกเขาจะฆ่าท่านเหมือนที่บรรพบุรุษของพวกเขาเคยฆ่าผู้พยากรณ์ของพระเจ้าในอดีต
พวกชาติงูร้าย: ซาตาน “งูตัวแรก” (วว 12:9) ถือได้ว่าเป็นผู้ให้กำเนิดหรือพ่อของทุกคนที่ต่อต้านการนมัสการแท้ พระเยซูจึงจัดพวกผู้นำศาสนาให้อยู่ในกลุ่ม “พวกชาติงูร้าย” (ยน 8:44; 1ยน 3:12) พวกเขาเป็นอันตรายอย่างมากต่อความเชื่อของคนที่อยู่ภายใต้อิทธิพลชั่วของพวกเขา ยอห์นผู้ให้บัพติศมาก็เคยใช้สำนวน “พวกชาติงูร้าย” ด้วย—มธ 3:7
เกเฮนนา: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 5:22 และส่วนอธิบายศัพท์
ครู: หรือ “คนที่เรียนจนมีความรู้” มีการแปลคำกรีก กรามมาทีส ว่า “ครูสอนศาสนา” เมื่อพูดถึงครูชาวยิวกลุ่มหนึ่งที่เชี่ยวชาญกฎหมายของโมเสส แต่ในข้อนี้พระเยซูกำลังพูดถึงสาวกของท่านที่จะถูกส่งออกไปเพื่อสอนคนอื่น
ที่ประชุม: ดูส่วนอธิบายศัพท์คำว่า “ที่ประชุมของชาวยิว”
รับผิดชอบการตาย . . . นับตั้งแต่อาเบลมาจนถึงเศคาริยาห์: พระเยซูหมายถึงพยานทุกคนของพระยะโฮวาที่ถูกฆ่าซึ่งมีบันทึกอยู่ในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู ตั้งแต่อาเบลที่อยู่ในหนังสือเล่มแรก (ปฐก 4:8) ไปจนถึงเศคาริยาห์ที่อยู่ใน 2พศ 24:20 หนังสือพงศาวดารถือเป็นหนังสือเล่มสุดท้ายในสารบบของชาวยิว ดังนั้น การที่พระเยซูพูดว่า “ตั้งแต่อาเบลมาจนถึงเศคาริยาห์” ท่านกำลังบอกว่า “ตั้งแต่คนแรกที่ตายจนถึงคนสุดท้าย”
ลูกของบารัคยา: บันทึกใน 2พศ 24:20 บอกว่าเศคาริยาห์เป็น “ลูกปุโรหิตเยโฮยาดา” นี่อาจหมายความว่าเยโฮยาดามี 2 ชื่อเหมือนกับหลายคนในคัมภีร์ไบเบิล (เทียบ มธ 9:9 กับ มก 2:14) หรืออาจหมายความว่าบารัคยาเป็นปู่ หรือเป็นบรรพบุรุษรุ่นก่อน ๆ ของเศคาริยาห์
ที่พวกคุณฆ่า: แม้พวกผู้นำศาสนาชาวยิวไม่ได้ฆ่าเศคาริยาห์จริง ๆ แต่พระเยซูก็ถือว่าพวกเขาต้องรับผิดชอบเพราะพวกเขามีนิสัยเหมือนบรรพบุรุษที่คิดอยากจะฆ่าคนอื่น—วว 18:24
ระหว่างวิหารกับแท่นบูชา: ตามที่ 2พศ 24:21 บอกไว้ เศคาริยาห์ถูกฆ่า “ที่ลานวิหารของพระยะโฮวา” ในสมัยนั้นแท่นถวายเครื่องบูชาเผาอยู่ในลานชั้นใน คืออยู่ด้านนอกหน้าทางเข้าตัววิหาร (ดูภาคผนวก ข8) ซึ่งตรงกับสิ่งที่พระเยซูบอกในข้อนี้
แน่นอน: ดูข้อมูลสำหรับศึกษาที่ มธ 5:18
ชาวเยรูซาเล็ม ชาวเยรูซาเล็มทั้งหลาย: บันทึกใน ลก 13:34 บอกว่าก่อนหน้านี้ไม่นานพระเยซูเคยพูดคล้าย ๆ กันนี้ตอนที่ท่านอยู่ในพีเรีย แต่ครั้งนี้พระเยซูพูดในวันที่ 11 เดือนนิสานซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายที่ท่านทำงานรับใช้บนโลก—ดูภาคผนวก ก7
วิหาร: แปลตรงตัวว่า “บ้าน”
ถูกทิ้งร้างไว้กับพวกคุณ: หรือ “ถูกทิ้งไว้กับพวกคุณ” สำเนาพระคัมภีร์เก่าแก่บางฉบับมีคำว่า “ร้าง” จึงอาจแปลได้ว่า “ถูกทิ้งร้าง”
พระยะโฮวา: ข้อความนี้ยกมาจาก สด 118:26 ซึ่งในต้นฉบับภาษาฮีบรูมีชื่อของพระเจ้าเขียนด้วยอักษรฮีบรู 4 ตัว (ตรงกับเสียงอักษรไทย ยฮวฮ)
วีดีโอและรูปภาพ

กล่องเครื่องรางใส่ข้อคัมภีร์เป็นกล่องหนังเล็ก ๆ ที่มีข้อความ 4 ชิ้นจากกฎหมายของโมเสส คือ อพย 13:1-10, 11-16; ฉธบ 6:4-9; 11:13-21 ไม่นานหลังจากชาวยิวกลับจากการเป็นเชลยที่บาบิโลน ก็เริ่มมีธรรมเนียมให้ผู้ชายใส่กล่องเครื่องรางนี้ในช่วงการอธิษฐานตอนเช้าของทุกวัน ยกเว้นวันสะบาโตและช่วงเทศกาล นี่เป็นรูปกล่องเครื่องรางใส่ข้อคัมภีร์จริง ๆ ซึ่งทำขึ้นตั้งแต่ศตวรรษแรก พบในถ้ำแห่งหนึ่งที่คุมราน และภาพวาดแสดงให้เห็นว่ากล่องนี้น่าจะมีหน้าตาอย่างไรเมื่อยังใหม่อยู่

ในศตวรรษแรก ปกติแล้วผู้คนจะนั่งเอนตัวที่โต๊ะเพื่อกินอาหาร แต่ละคนจะเอาศอกซ้ายยันหมอนอิงไว้และกินอาหารโดยใช้มือขวา ตามธรรมเนียมของกรีกและโรมันห้องอาหารโดยทั่วไปจะมีเก้าอี้ยาว 3 ตัวตั้งอยู่รอบโต๊ะอาหารเตี้ย ๆ ชาวโรมันเรียกห้องอาหารแบบนี้ว่า ไตรคลิเนียม (คำละตินที่มาจากคำกรีกซึ่งมีความหมายว่า “ห้องที่มีเก้าอี้ยาว 3 ตัว”) แม้ตามปกติแล้วการตั้งเก้าอี้แบบนี้จะนั่งได้ 9 คน โดยนั่งตัวละ 3 คน แต่เพื่อจะรับรองคนได้มากขึ้นก็อาจใช้เก้าอี้ที่ยาวขึ้นได้ เชื่อกันว่าที่นั่งแต่ละที่ในห้องอาหารบ่งบอกถึงฐานะหรือเกียรติของคนคนนั้น เก้าอี้ยาวตัวหนึ่งสำหรับคนที่มีเกียรติน้อยที่สุด (ก) อีกตัวหนึ่งอยู่ตรงกลาง (ข) และอีกตัวไว้สำหรับคนที่มีเกียรติมากที่สุด (ค) ตำแหน่งที่นั่งบนเก้าอี้ยาวแต่ละตัวก็มีความสำคัญแตกต่างกันด้วย คนที่นั่งข้างซ้ายจะมีเกียรติมากกว่าคนที่นั่งข้างขวาของเขา แต่ถ้างานเลี้ยงนั้นเป็นงานเลี้ยงแบบเป็นทางการ เจ้าภาพมักจะนั่งอยู่ตรงที่นั่งแรก (หมายเลข 1) บนเก้าอี้ยาวที่มีเกียรติน้อยที่สุด ส่วนแขกที่สำคัญที่สุด (หมายเลข 2) จะได้นั่งติดกับเจ้าภาพบนเก้าอี้ยาวที่อยู่ตรงกลาง ถึงแม้เราไม่รู้แน่ชัดว่าชาวยิวเอาธรรมเนียมนี้ไปใช้มากขนาดไหน แต่ดูเหมือนว่าพระเยซูใช้ธรรมเนียมนี้เพื่อสอนสาวกเรื่องความถ่อม

แบบจำลองในวีดีโอนี้ทำขึ้นโดยอาศัยข้อมูลส่วนหนึ่งจากซากปรักหักพังของที่ประชุมชาวยิวในศตวรรษแรกในเมืองกัมลา ซึ่งอยู่ห่างจากทะเลสาบกาลิลีไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 10 กม. ไม่มีที่ประชุมชาวยิวจากศตวรรษแรกที่ยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์จนถึงทุกวันนี้ จึงไม่รู้แน่ชัดว่าที่ประชุมชาวยิวมีลักษณะอย่างไรจริง ๆ แบบจำลองนี้มีการใส่รายละเอียดที่น่าจะมีอยู่ในที่ประชุมหลายแห่งในสมัยนั้น
1. แถวหน้าสุดหรือที่นั่งที่ดีที่สุดในที่ประชุมอาจอยู่ใกล้หรืออยู่บนเวทีของผู้บรรยาย
2. เวทีที่ครูขึ้นไปอ่านกฎหมายของโมเสส ที่ตั้งเวทีในที่ประชุมแต่ละแห่งอาจแตกต่างกัน
3. ที่นั่งข้างผนังจะเป็นของคนสำคัญในชุมชน ส่วนคนอื่น ๆ อาจปูเสื่อนั่งบนพื้น ดูเหมือนที่ประชุมในกัมลามีที่นั่ง 4 แถว
4. หีบเก็บม้วนหนังสือศักดิ์สิทธิ์อาจอยู่ที่ผนังด้านหลัง
การจัดที่นั่งในที่ประชุมแบบนี้เตือนให้คนที่มาประชุมไม่ลืมว่าแต่ละคนมีฐานะตำแหน่งอย่างไรในสังคม ใครเป็นใหญ่กว่าใคร ซึ่งเป็นเรื่องที่สาวกของพระเยซูชอบเถียงกันบ่อย ๆ—มธ 18:1-4; 20:20, 21; มก 9:33, 34; ลก 9:46-48

นี่เป็นแบบจำลองซึ่งทำขึ้นโดยอาศัยต้นแบบจากที่ประชุมของชาวยิวสมัยศตวรรษแรกที่พบในเมืองกัมลา ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลสาบกาลิลี ห่างออกไปประมาณ 10 กิโลเมตร ทำให้เราเห็นภาพว่าที่ประชุมของชาวยิวในสมัยโบราณน่าจะมีลักษณะอย่างไร

หุบเขาฮินโนม ภาษากรีกเรียกว่า เกเฮนนา เป็นหุบเขาแคบ ๆ อยู่ทางใต้และทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเยรูซาเล็มสมัยโบราณ ในสมัยพระเยซู หุบเขานี้เป็นที่เผาขยะ จึงเหมาะที่จะใช้เป็นสัญลักษณ์ของการทำลายอย่างสิ้นเชิง

หุบเขาฮินโนม (หมายเลข 1) ซึ่งพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกเรียกว่าเกเฮนนา ภูเขาที่วิหารตั้งอยู่ (หมายเลข 2) วิหารของชาวยิวในศตวรรษแรกเคยตั้งอยู่ที่นี่ ทุกวันนี้สิ่งก่อสร้างที่เด่นที่สุดบนภูเขาที่วิหารตั้งอยู่คือศาสนสถานของศาสนาอิสลามที่เรียกว่า โดม ออฟ เดอะ ร็อก—ดูแผนที่ในภาคผนวก ข12

มีการใช้สะระแหน่เป็นยาและเครื่องปรุงอาหารมาตั้งแต่สมัยโบราณ คำกรีก เฮดูออสม็อน หรือ “สะระแหน่” (แปลตรงตัวว่า กลิ่นหอม) อาจหมายถึงสะระแหน่หลายชนิดที่พบในอิสราเอลและซีเรีย ซึ่งรวมถึงฮอสมินต์ (Mentha longifolia) ส่วนเทียนข้าวเปลือก (Anethum graveolens) ปลูกไว้เพื่อเอาเมล็ดที่มีกลิ่นหอมของมัน และใช้เมล็ดนี้เป็นเครื่องเทศปรุงอาหารหรือเป็นยาแก้ปวดท้อง ยี่หร่า (Cuminum cyminum) เป็นพืชในตระกูลเดียวกับแครอทหรือพาสลีย์ เมล็ดของมันมีกลิ่นหอมฉุน ในประเทศแถบตะวันออกกลางและประเทศอื่น ๆ มีการใช้ยี่หร่าเป็นเครื่องเทศใส่ในขนมปัง เค้ก สตูว์ และเหล้า

ในสมัยพระเยซู อูฐเป็นสัตว์ใช้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในดินแดนนั้น เชื่อกันว่าอูฐที่พูดถึงในคัมภีร์ไบเบิลคืออูฐอาหรับ (Camelus dromedarius) ซึ่งมีหนอกเดียว ครั้งแรกที่คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงอูฐคือตอนที่อับราฮัมไปอยู่ที่อียิปต์ชั่วคราว เขาได้อูฐมากมายจากที่นั่น—ปฐก 12:16

ทั้งยอห์นผู้ให้บัพติศมาและพระเยซูเรียกพวกครูสอนศาสนาและฟาริสีว่า “พวกชาติงูร้าย” เพราะพวกเขาเป็นอันตรายมากต่อความเชื่อเหมือนพิษงูสำหรับคนที่ไม่ระวังตัว (มธ 3:7; 12:34) งูที่เห็นในภาพนี้คืองูพิษมีเขา ซึ่งลักษณะเด่นของมันคือมีเขาเล็ก ๆ อยู่เหนือตาทั้ง 2 ข้าง งูพิษชนิดอื่น ๆ ที่เป็นงูประจำถิ่นของอิสราเอล คือ งูพิษทราย (Vipera ammodytes) ซึ่งพบได้ที่หุบเขาจอร์แดน และงูพิษปาเลสไตน์ (Vipera palaestina)

แส้แบบที่ทำให้เจ็บปวดมากที่สุดเรียกว่า ฟลาเกลลุม แส้นี้ทำจากเชือกหรือหนังถักหลายเส้นและมีด้ามจับ มีการเอาเศษกระดูกหรือเศษโลหะมัดติดกับเส้นหนังเพื่อให้แส้หนักขึ้นและทำให้คนที่ถูกเฆี่ยนเจ็บปวดมากขึ้น

พระเยซูใช้ภาพเปรียบเทียบที่น่าประทับใจ ท่านบอกว่าอยากปกป้องดูแลผู้คนในกรุงเยรูซาเล็มเหมือนแม่ไก่ที่ต้อนลูก ๆ ของมันมาไว้ใต้ปีก ภาพเปรียบเทียบนี้และตัวอย่างเกี่ยวกับลูกที่มาขอไข่จากพ่อ (ลก 11:11, 12) ทำให้รู้ว่าเป็นเรื่องปกติที่ชาวอิสราเอลในศตวรรษแรกจะเลี้ยงไก่ ถึงแม้คำกรีก ออรนิส ที่ใช้ใน มธ 23:37 กับ ลก 13:34 อาจหมายถึงสัตว์ปีกชนิดใดก็ได้ไม่ว่าจะอยู่ในป่าหรือเลี้ยงในบ้าน แต่เข้าใจกันว่าในท้องเรื่องนี้คำนี้หมายถึงแม่ไก่ ซึ่งเป็นสัตว์ปีกที่เป็นประโยชน์และเลี้ยงกันมากที่สุด