ติดคุกเพราะความเชื่อ
เจ้าหน้าที่รัสเซียโจมตีพยานพระยะโฮวาอย่างหนักต่อไป ไม่ต่างจากการข่มเหงที่โหดร้ายในยุคโซเวียต จนถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2021 มีพยานฯ 42 คนถูกคุมขังโดยไม่มีการพิจารณาคดีหรือถูกจำคุก อีก 27 คนถูกกักบริเวณในบ้าน และ 207 คนไม่ได้รับอนุญาตให้ออกนอกพื้นที่ ทุกคนถูกตั้งข้อหาต่างกันไป ทั้งข้อหาทำกิจกรรม เข้าร่วม หรือให้เงินสนับสนุนกิจกรรมขององค์กร “คลั่งลัทธิ” ตอนนี้มีพยานฯอย่างน้อย 391 คนอยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 19 ถึง 90 ปี
เจ้าหน้าที่พยายามทำให้การกระทำของพวกเขาถูกต้องโดยอ้างถึงการสั่งห้ามงานของนิติบุคคลของพยานฯเมื่อเดือนเมษายน 2017 และยกประมวลกฎหมายอาญาของสหพันธรัฐรัสเซียมาตรา 282 (RFCC) ในเรื่องกิจกรรมคลั่งลัทธิขึ้นมาอย่างไม่สมเหตุสมผล แต่ที่จริงพวกเขากำลังข่มเหงพยานพระยะโฮวาที่ทำตามความเชื่อทางศาสนาอย่างสงบเรียบร้อย และถ้าถูกตัดสินว่ามีความผิด พยานฯบางคนในกลุ่มนี้อาจต้องติดคุกถึง 10 ปี
รัสเซียใช้วิธีเดิมในการจับกุม กักตัว และจำคุกพยานพระยะโฮวา
ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2018 เจ้าหน้าที่หลายหน่วยของรัสเซียได้ใช้วิธีเดิม ๆ ในการจับกุมและคุมขังพยานพระยะโฮวา กลุ่มตำรวจที่มีอาวุธครบมือจะบุกบ้านของพยานฯ เอาปืนจ่อหัวทั้งเด็กทั้งคนสูงอายุ บังคับให้นอนคว่ำลงกับพื้น ในขณะที่เจ้าหน้าที่ค้นทั่วบ้าน พวกเขาก็ยึดทรัพย์สินส่วนตัว แล้วควบคุมตัวไปสอบสวน จากนั้น พนักงานสอบสวนก็จะเลือกพยานฯบางคนมาตั้งข้อหาทางอาญาว่าทำกิจกรรมของพวกคลั่งลัทธิและขอให้ศาลสั่งคุมขังพวกเขาโดยไม่มีการพิจารณาคดี พอพยานฯถูกขังแล้ว อัยการจะขอศาลให้ยืดเวลาการคุมขัง รายงานต่อไปนี้คือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่พยานฯ 8 คนถูกตัดสินจำคุกด้วยข้อหาคลั่งลัทธิ *
เดนนิส คริสเตนเซน ได้รับอนุมัติ ให้ถูกปล่อยตัวก่อนกำหนดหลังจากติดคุกนานกว่า 3 ปีจากโทษจำคุก 6 ปี ศาลแขวงลกอฟสกีย์ในเขตคูสก์ลดโทษจำคุกของเขาเป็นค่าปรับ 400,000 รูเบิล (ประมาณ 175,750 บาท) แต่นายอเล็กเซ ชาตูนอฟจากสำนักอัยการยื่นคำร้องให้ศาลยกเลิกคำตัดสินนี้ โดยอาศัยรายงานเท็จที่บอกว่านายเดนนิสมีประวัติไม่ดี นายเดนนิสต้องอยู่ในคุกต่อไปจนกว่าจะมีการพิจารณาคดีครั้งใหม่ซึ่งยังไม่ได้กำหนดวันเวลา ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่เรือนจำส่งตัวเขาไปอยู่ในห้องขังที่เป็นการลงโทษพิเศษ 10 วันโดยอ้างว่าฝ่าฝืนกฎเล็กน้อยของเรือนจำแม้เขาจะสุขภาพไม่ดี
นายเดนนิสอายุ 46 ปีถูกจับที่เมืองโอริออลเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2017 เมื่อตำรวจที่มีอาวุธครบมือและเจ้าหน้าที่หน่วยงานรักษาความมั่นคงบุกเข้าขัดขวางการประชุมทางศาสนาของพยานพระยะโฮวาที่เขาเข้าร่วม หลังจากถูกดำเนินคดีมาเกือบ 1 ปีและขึ้นศาลมากกว่า 50 ครั้ง นายเดนนิสจึงถูกตัดสินจำคุก 6 ปี เพราะแค่ทำตามความเชื่อที่เป็นพยานพระยะโฮวา วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2019 ผู้พิพากษาอเลกเซย์ รูดเนฟของศาลแขวงเจเลซโนโดรอจนี ประกาศคำตัดสินว่านายคริสเตนเซนมีความผิดข้อหา ‘จัดกิจกรรมร่วมกับองค์กรของพวกคลั่งลัทธิ’ ตามมาตรา 282.2(1) ของกฎหมาย RFCC ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2019 คณะผู้พิพากษา 3 คนของศาลแขวงเมืองโอริออลปฏิเสธคำอุทธรณ์ของนายเดนนิสและพิพากษายืนโทษจำคุก 6 ปี
เซอร์เกย์ คลิมอฟ ถูกจับตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน 2018 หลังจากตำรวจบุกค้นบ้าน 2 หลังของพยานพระยะโฮวา มีพยานฯ 30 คนถูกนำตัวไปสอบสวน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีพยานฯผู้หญิงอายุ 83 ปีรวมอยู่ด้วย หลังจากนั้นทุกคนถูกปล่อยตัวยกเว้นนายคลิมอฟ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตั้งข้อหาทางอาญาและคุมตัวเขานาน 2 เดือน การคุมตัวถูกยืดเวลาออกไปอีก 7 ครั้ง ทำให้เขาไม่ได้อยู่กับภรรยาและครอบครัวนาน 1 ปี 5 เดือนก่อนการพิจารณาคดีครั้งสุดท้ายและถูกตัดสินจำคุก วันที่ 5 พฤศจิกายน 2019 ศาลแขวงอ็อกตยาบริสกี เมืองทอมสค์ ตัดสินจำคุก เซอร์เกย์ คลิมอฟ 6 ปี ด้วยข้อหา ‘จัดกิจกรรมคลั่งลัทธิ’ เขาจะถูกปล่อยตัวในเดือนกรกฎาคม 2023
คอนสตันติน บาเจนอฟ, อะเลคเซย์ บูเดนชุค, เฟลิคส์ มาฮัมมาดีเยฟ, โรมัน กรีดาซอฟ, เกนนาดีย์ เกียร์มัน และอะเลคเซย์ มีเรตสกีย์ ถูกจำคุกหลังจากตำรวจบุกค้นบ้าน 7 หลังของพยานพระยะโฮวาที่เมืองซาราตอฟในวันที่ 12 มิถุนายน 2018 ในวันนั้นตำรวจพังประตูบ้านเข้าไป ยึดทรัพย์สินส่วนตัว และเอาหนังสือของพยานพระยะโฮวาที่กำลังถูกสั่งห้ามไปไว้ในบ้านของบางคนด้วย นอกจากนั้น ตำรวจยังจับพยานฯมากกว่า 10 คนไปสอบปากคำและกักตัวไว้จนเกือบเที่ยงคืน มี 3 คนถูกควบคุมตัวและติดคุกโดยไม่มีการพิจารณาคดีเกือบปี
วันที่ 19 กันยายน 2019 ผู้พิพากษาดมิตรี ลารินของศาลแขวงเลนินสกี เมืองซาราตอฟตัดสินจำคุกผู้ชาย 6 คนข้อหา ‘จัดกิจกรรมคลั่งลัทธิ’ มี 2 คนต้องติดคุก 3 ปี 6 เดือน หนึ่งคนติดคุก 3 ปี และอีก 3 คนติดคุก 2 ปี ศาลยังบอกอีกว่า หลังจากได้รับโทษตามกำหนดแล้ว พวกเขาทุกคนจะถูกห้ามไม่ให้นำหน้าในองค์การใด ๆ เป็นเวลา 5 ปี ผู้ชายเหล่านี้ยังถูกทำร้ายตอนอยู่ในคุกด้วย วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2020 เจ้าหน้าที่เรือนจำที่ทัณฑนิคมหมายเลข 1 ใช้กระบองตี อะเลคเซย์ บูเดนชุค, เกนนาดีย์ เกียร์มัน, โรมัน กรีดาซอฟ, เฟลิคส์ มาฮัมมาดีเยฟ และอะเลคเซย์ มีเรตสกีย์ นายเฟลิคส์ มาฮัมมาดีเยฟถูกตีอย่างรุนแรงจนต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะซี่โครงหัก ปอดฉีก และไตช้ำ
การบุกค้นครั้งใหญ่เดือนกรกฎาคม 2020
วันที่ 12 กรกฎาคม 2020 เจ้าหน้าที่หน่วยงานรักษาความมั่นคงของรัสเซีย (FSB) บุกค้นบ้านของพยานพระยะโฮวาอย่างน้อย 3 หลังในเมืองโปรโคปีฟสค์ เขตเคเมโรโว มีพยานพระยะโฮวาหลายคนที่ถูกสำนักงานใหญ่ของ FSB สอบสวนและหลังจากนั้นก็ได้รับการปล่อยตัว แต่นายอันเดรย์ วลาซอฟ พยานพระยะโฮวาที่พิการและต้องใช้ไม้เท้าเพื่อช่วยเดินยังถูกกักขังต่ออีก 2 วัน เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาคดีอาญากับเขาและวันที่ 14 กรกฎาคม 2020 เขาถูกตัดสินให้ถูกกักบริเวณในบ้านเป็นเวลา 2 เดือน
วันที่ 13 กรกฎาคม บ้านของพยานฯมากกว่า 100 หลังถูกค้นในหลายหมู่บ้านในเขตโวโรเนชและในเมืองสเตรีย์ออสคอล เขตเบลโกรอด มีการตั้งข้อหาและผู้ชายพยานพระยะโฮวา 10 คนถูกคุมขังโดยไม่มีการพิจารณาคดีจนถึง 3 กันยายน พยานพระยะโฮวาอย่างน้อย 2 คนถูกเจ้าหน้าที่ทุบตี ซึ่งเจ้าหน้าที่พิเศษเหล่านี้ (the Special Rapid Response Unit) พยายามบุกเข้ามาในบ้านของนายอะเลคซันเดอ โบคอฟ นายโบคอฟถูกชกที่ท้อง ถูกตีที่หัวหลังจากนั้นก็ถูกบังคับให้หมอบลงและเจ้าหน้าที่ก็ซักถามเขา ขณะที่นายดมิตรี คาตีรอฟถูกผลักลงพื้น ถูกตีและกระทืบจนเขาร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวด
พยายามต่อไปเพื่อยุติการจำคุกอย่างไม่ยุติธรรม
ทนายของพยานพระยะโฮวาได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติและคณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยการควบคุมตัวโดยพลการ (WGAD) พวกเขายังยื่นคำร้อง 57 ฉบับไปยังศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรปด้วย แต่ความพยายามของพวกเขาที่จะยุติการจำคุกอย่างไม่ยุติธรรมก็ยังไม่สำเร็จ
ศาลระหว่างประเทศบางแห่งได้ประณามรัสเซียที่ทำต่อพยานพระยะโฮวา เช่น ในการตัดสินเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2019 คณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยการควบคุมตัวโดยพลการ (WGAD) ได้ประณามการข่มเหงที่รัสเซียทำต่อพยานพระยะโฮวา ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับนายดมิตรี มิไฮลอฟจากเมืองชูยา
WGAD สรุปว่าการที่นายมิไฮลอฟถูกจับกุมและควบคุมตัวโดยไม่ได้พิจารณาคดีนั้นเป็นเพราะการเลือกปฏิบัติทางศาสนาและยอมรับว่าคดีของเขาเป็น “แค่หนึ่งในพยานพระยะโฮวาในรัสเซียที่กำลังถูกจับ กักขังและตั้งข้อหาเพียงเพราะใช้เสรีภาพในการทำกิจกรรมทางความเชื่อ”
วันที่ 12 มีนาคม 2020 สภาถาวรแห่งสหภาพยุโรปขององค์การว่าด้วยความร่วมมือและความมั่นคงแห่งยุโรป (OSCE) ร่วมกันประณามเจ้าหน้าที่รัสเซียที่ทำต่อพยานพระยะโฮวาว่า “สหภาพยุโรปยังเป็นห่วงเกี่ยวกับสถานการณ์ของพยานพระยะโฮวาในรัสเซียที่เจอการข่มเหงอย่างต่อเนื่อง . . . เราเป็นห่วงมากในรายงานเมื่อไม่นานมานี้เรื่องการทรมานและการปฏิบัติอย่างเลวร้ายที่เกิดกับพยานพระยะโฮวาที่ถูกคุมขัง . . . การทรมานได้ขัดกับกฎหมายสากลของสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะขัดกับอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน และการกระทำอื่น ๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี, กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งทั้งหมดนี้รัฐบาลรัสเซียเป็นรัฐภาคี”
เหตุการณ์ตามลำดับเวลา
16 กุมภาพันธ์ 2021
มีพยานฯรวมทั้งหมด 42 คนที่ติดคุก
2 กันยายน 2020
ศาลเมืองเบเรซอฟกีย์ แขวงเคเมโรโวตัดสินจำคุกพี่น้องเซอร์เกย์ บริตวินกับพี่น้องเลฟชุค 4 ปี
3 สิงหาคม 2020
ศาลเมืองปัสคอฟพิจารณาการปล่อยตัวนายเกนนาดี ชปาคอฟสกีย์ออกจาคุก ศาลยืนยันว่าเขายังมีความผิด แต่เปลี่ยนโทษจำคุก 6 ปี 6 เดือน เป็นการคุมประพฤติในระยะเวลาเท่ากัน
13 กรกฎาคม 2020
มีการค้นบ้านพยานฯประมาณ 100 หลังในเขตโวโรเนซและเบลโกรอด
9 มิถุนายน 2020
ศาลเมืองปัสคอฟตัดสินจำคุกนายเกนนาดี ชปาคอฟสกีย์อายุ 61 ปี เป็นเวลา 6 ปีครึ่ง
6 กุมภาพันธ์ 2020
วันที่ 19 กันยายน 2019 พยานพระยะโฮวา 5 ใน 6 คนถูกตัดสินว่ามีความผิดและถูกส่งไปยังทัณฑนิคมหมายเลข 1 ในเมืองโอเรนเบิร์ก พอไปถึง ผู้คุมทุบตีพวกเขาอย่างหนัก เตะพวกเขาหลายครั้งและตีด้วยกระบอง นายมาฮัมมาดีเยฟกระดูกซี่โครงหัก ปอดแตกและบาดเจ็บที่ไต
19 กันยายน 2019
ดมิตรี ลาริน ผู้พิพากษาของศาลแขวงเลนินสกี เมืองซาราตอฟ สั่งจำคุกผู้ชายพยานฯ 6 คน คือ คอนสตันติน บาเจนอฟ, อะเลคเซย์ บูเดนชุค, เฟลิคส์ มาฮัมมาดีเยฟ, โรมัน กรีดาซอฟ, เกนนาดีย์ เกียร์มัน และอะเลคเซย์ มีเรตสกีย์ ในข้อหา ‘จัดกิจกรรมคลั่งลัทธิ’
23 พฤษภาคม 2019
ศาลแขวงเมืองโอริออลปฏิเสธคำอุทธรณ์ของเดนนิส คริสเตนเซนและพิพากษายืนโทษจำคุก 6 ปี
26 เมษายน 2019
คณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยการควบคุมตัวโดยพลการพบว่านายดมิตรี มิไฮลอฟ ถูกละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและประณามรัสเซียที่ข่มเหงพยานพระยะโฮวา
6 กุมภาพันธ์ 2019
ศาลแขวงเจเลซโนโดรอจนีตัดสินว่าเดนนิส คริสเตนเซนมีความผิดและสั่งจำคุก 6 ปี
9 ตุลาคม 2018
ตำรวจกับกองกำลังพิเศษบุกค้นบ้านหลายหลังในภูมิภาคคิรอฟ และจับพยานฯผู้ชายหลายคน รวมทั้งอันเจ โอนิชชุค ซึ่งเป็นพลเมืองโปแลนด์ ไปคุมขังโดยไม่มีการพิจารณาคดี
15 กรกฎาคม 2018
ตำรวจบุกค้นบ้านของพยานฯหลายหลังในเมืองเพนซา พวกเขาจับตัวนายวลาดิเมียร์ อะลุชคินและกักขังเขาโดยไม่มีการพิจารณาคดี
4 กรกฎาคม 2018
ตำรวจบุกค้นบ้านพยานฯในเมืองออมสค์ และจับเซอร์เกย์กับอนาสตาซียา โปลยาคอฟไปคุมขังโดยไม่มีการพิจารณาคดี อนาสตาซียาเป็นพยานฯผู้หญิงคนแรกที่ถูกสหพันธรัฐรัสเซียจำคุกในข้อหาคลั่งลัทธิ
12 มิถุนายน 2018
ตำรวจบุกค้นบ้านพยานฯในเมืองซาราตอฟ พวกเขาจับตัวคอนสแตนติน บาเชนอฟ, อะเลคเซย์ บูเดนชุคและเฟลิคซ์ มาฮัมมาดีเยฟและกักตัวพวกเขาโดยไม่มีการพิจารณาคดี พยานพระยะโฮวาคนอื่น ๆ อีก 3 คน คือ เกนนาดีย์ เกียร์มัน, โรมัน กรีดาซอฟ และอะเลคเซย์ มีเรตสกีย์ต้องเซ็นสัญญาว่าจะไม่ออกจากเมือง
3 มิถุนายน 2018
ตำรวจบุกค้นบ้านพยานฯในเมืองทอมสค์และเมืองปัสคอฟ และจับตัวพี่น้องเซอร์เกย์ คลิมอฟ ไปคุมขังโดยไม่มีการพิจารณาคดี
19 กุมภาพันธ์ 2018
ศาลแขวงเจเลซโนโดรอจนีเริ่มพิจารณาคดีทางอาญาเดนนิส คริสเตนเซน โดยมีผู้พิพากษาอะเลกเซย์ รูดเนฟเป็นประธาน
20 กรกฎาคม 2017-พฤศจิกายน 2018
ศาลสั่งยืดเวลาคุมขังเดนนิส คริสเตนเซน หลายครั้ง ซึ่งครั้งแรกโดยศาลแขวงโซเวียตสกี และต่อมาก็ศาลแขวงเจเลซโนโดรอจนี
26 พฤษภาคม 2017
ศาลแขวงโซเวียตสกี เมืองโอริออล สั่งคุมขังเดนนิส คริสเตนเซน 2 เดือนโดยไม่มีการพิจารณาคดี
25 พฤษภาคม 2017
ตำรวจบุกเข้ามาระหว่างการประชุมทางศาสนาในเมืองโอริออล และเดนนิส คริสเตนเซนถูกจับ
20 เมษายน 2017
ศาลสูงของสหพันธรัฐรัสเซียตัดสินให้ปิดศูนย์บริหารงานของพยานพระยะโฮวาและองค์การศาสนาท้องถิ่น 395 แห่ง
^ วรรค 5 ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการข่มเหงพยานพระยะโฮวาเพราะความเชื่อคนอื่น ๆ ในรัสเซียได้ที่เว็บไซต์ jw.org